ใกล้ความจริงไปอีกขั้นแล้วสำหรับเทคโนโลยีขนส่งมวลชนแห่งโลกอนาคตอย่างไฮเปอร์ลูป โดยบริษัทเวอร์จินไฮเปอร์ลูป วัน เป็นผู้นำการพัฒนาแซงหน้าเทสลาไปหลังอินเดียเพิ่งจัดให้ไฮเปอร์ลูปเป็นโครงสร้างพื้นฐานไม่ต่างจากรถไฟฟ้า และอาจกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ใช้ไฮเปอร์ลูป
วันที่ 31 กรกฎาคม รัฐบาลรัฐมหาราษฏระ ประกาศรับรองสถานะโครงการไฮเปอร์ลูปของบริษัทเวอร์จิน ไฮเปอร์ลูป วัน (VirginHyperloop One) และดีพีเวิลด์ (DP World) บริษัทพาร์ตเนอร์ ให้เป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะไม่ต่างจากโครงการสร้างถนนหรือรถไฟฟ้า และกำลังเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลให้เป็นไฮเปอร์ลูปโครงการแรกที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
"โครงการนี้จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของของคมนาคมในประเทศ" รัฐบาลรัฐมหาราษฏระ ระบุในแถลง
การรับรองจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการนี้ นับได้ว่าเป็นการแซงหน้าเทสลาและสเปซเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ซึ่งเป็นผู้นำเสนอไฮเปอร์ลูปมาก่อนตั้งแต่ปี 2013
สำหรับไฮเปอร์ลูปในรัฐมหาราษฏระนั้นจะเป็นเส้นทางเมืองปูเน-มุมไบ โดยใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 35 นาทีขณะที่การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในปัจจุบันในใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งขึ้นไป ตามข้อเสนอของเวอร์จินไฮเปอร์ลูป วัน-ดีพีเวิลด์นั้น ไฮเปอร์ลูปนี้จะรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 200 ล้านคน ปัจจุบันนี้มีผู้เดินทางระหว่างเมืองมุมไบและปูเนประมาณปีละ 75 ล้านคนและคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 130 ล้านคนในปี 2026
ทางรัฐบาลคาดว่าในเฟสแรกของการก่อสร้างจะมีระยะทาง 11.8 กิโลเมตร โดยใช้เวลาสร้างในช่วงครึ่งปีถึงสองปีด้วยเงินลงทุน 50,000 ล้านรูปีอินเดีย (ราว 22,280 ล้านบาท) โดยพาร์ตเนอร์อย่างดีพีเวิลด์ แถลงว่าพร้อมจะลงทุน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,440 ล้านบาท) ในเฟสแรกเพื่อพิสูจน์ว่านี่เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและใช้ได้จริง ส่วนรัฐบาลจะรับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายและโลจิสติกส์ในการจัดหาที่ดินสำหรับสร้างไฮเปอร์ลูป โดยรวมแล้วคาดว่าโครงการนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 700,000 ล้านรูปี (ราว 312,000 ล้านบาท)
ในช่วงแรกนั้น เฟสหนึ่งนี้จะเป็นเหมือนเส้นทางนำร่องเพื่อรับรองว่าเทคโนโลยีไฮเปอร์ลูปสามารถเปิดให้บริการผู้โดยสารได้จริง โดยทางเวอร์จิน ไฮเปอร์ลูป วัน ต้องการให้เส้นทางนำร่องนี้สร้างเสร็จและเปิดใช้งานภายในปี 2024 หากเฟสนี้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยไปได้ก็จะเป็นการกรุยทางไปสู่การสร้างไฮเปอร์ลูปต่อในเส้นทางปูเน-มุมไบ
ทั้งนี้ เวอร์จิน ไฮเปอร์ลูป วัน ลงนามข้อตกลงกับรัฐมหาราษฏระและรัฐกรณาฏกะ เพื่อศึกษาผลกระทบของไฮเปอร์ลูปต่อภูมิภาคมาตั้งแต่ปี 2017