FaceApp แอปฯ แต่งรูปสัญชาติรัสเซียกลายเป็นประเด็นเรื่องความกังวลถึงความปลอดภัยในการใช้งาน หลังจากมีการระบุว่าแอปฯ ดังกล่าวสามารถเข้าถึงรูปภาพในมือถือได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของเครื่อง
สัปดาห์นี้ภาพใบหน้าคนแก่ได้กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ภาพดังกล่าวมาจากแอปพลิเคชัน FaceApp สตาร์ตอัปสัญชาติรัสเซียเป็นเจ้าของ ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกจากระบบกูเกิลเพลย์ ขณะที่ ในแอปสโตร์ก็กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ติดท็อปใน 121 ทั่วโลก โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพของตนเอง และใช้ระบบเอไอในการประมวลผลเพื่อเปลี่ยนใบหน้าในรูปนั้นเป็นรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ รูปภาพที่อัปโหลดขึ้นไปจะถูกเก็บไปยังระบบคลาวด์ของแอปฯ
กระแสของแอปดังกล่าวทำให้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โจชัว นอซซี นักพัฒนาโปรแกรมออกมาเตือนถึงเรื่องความปลอดภัยจากการใช้ FaceApp โดยกล่าวว่า ระบบของ FaceApp นั้นสามารถเข้าถึงรูปภาพในมือถือของทุกคนได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของเครื่อง ไม่ว่าคุณจะเลือกเงื่อนไขการยินยอมเข้าถึงข้อมูลหรือไม่ก็ตาม ซึ่งข้อความจากแอปพลิเคชันตอนหนึ่งระบุว่า ทางแอปฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลจากมือถือ หรือแท็บเล็ตที่เข้าผ่านแอปฯ ดังกล่าวนี้ทั้งการติดตาม การเก็บข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้งาน และอาจจะส่งข้อมูลของผู้ใช้ไปยังบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับการใช้ค้นหาและการใช้งานของผู้ใช้ได้ และทางแอปพลิเคชันยังระบุถึงเงื่อนไขการเข้าถึงรูปภาพของผู้ใช้งานผ่านแอปฯ นี้จะกลายเป็นสิทธิของทางแอปฯ ที่จะสามารถนำไปใช้งานต่อได้ตลอดไป
แม้ว่า ยารอสลาฟ กอนชารอฟ เจ้าของแอปพลิเคชันตัวนี้จะกล่าวกับ Techcrunch ว่า ทางบริษัทใช้ระบบคลาวด์ของ AWS and Google Cloud ซึ่งมีเซิร์ฟเวอร์อยู่นอกรัสเซีย และยังยืนยันอีกว่า ทางแอปฯ ไม่มีการขยายข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับบริษัทที่สามแต่อย่างใด แต่ ชัค สกรูเมอร์ วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาเรียกร้องสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯ (FBI) และคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FCT) โดยระบุถึงความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยจากที่ตั้งของบริษัทที่อยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และการขอข้อมูลของผู้ใช้งานในการขอเข้าถึงโทรศัพท์ส่วนตัวและข้อมูลที่เชื่อมตัวกับแอปพลิเคชัน และยังเรียกร้องให้ FBI เข้าตรวจสอบข้อมูลของชาวอเมริกันว่าอาจจะตกอยู่ในมือของรัฐบาลรัสเซียอีกด้วย