รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ชี้ปม “ช่อ พรรณิการ์” แฉรัฐบาล “ประยุทธ์” มีเอี่ยวทุจริต 1MDB คนในรัฐบาลก็เต้นเป็นเจ้าเข้า ตั้งแต่นายกฯ โฆษกรัฐบาล ยันคนใน พปชร. แต่ไร้การโชว์หลักฐาน มีเพียงหน่วยงานที่ถูกพาดพิงชี้แจง
“คำผกา” ถาม ปม 1MDB จะเปิดแผลหรือสั่นคลอนรัฐบาลอย่างไร “ใบตองแห้ง” ตอบ...ตอบอย่างไร แอดแนะนำ คลิกฟังในคลิปครับ
หลังจาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอื้อฉาวทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก 1 Malaysia Development Berhad หรือ 1MDB ผ่านกองทุนแห่งรัฐ ในรัฐบาลนาย นาจิบ ราซัค ในปี 2008 รวมถึงให้ที่พำนักแก่บุคคลที่ถูกหมายแดงจากอินเตอร์โพลเข้าพำนักในประเทศไทย
เมื่อนักข่าวเจอ พล.อ.ประยุทธ์ และถามว่า กรณีนี้จะนำไปสู่การฟ้องร้องหรือไม่ / นายกระบุว่า การกล่าวหาต้องระมัดระวัง เพราะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย การนำเรื่องมาเชื่อมโยงกันไปมาในลักษณะที่เรียกว่าจับแพะชนแกะ
ข้อเท็จจริงหน่วยงานต่างๆมีข้อมูลเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย และยืนยันเรื่องราวเหล่านี้มีคำชี้แจงทั้งหมด และคิดว่าเก็บไว้เป็นประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมดีกว่า ไม่ว่าใครจะพูดอะไรนอกสภาที่ไหนก็ตามมีกฎหมายอยู่หลายฉบับ อีกทั้งการคุ้มครองทางเอกสิทธิก็ไม่มี รวมทั้งกฎหมายอื่นๆการชุมนุมก็มีอยู่หลายอย่าง ขอให้ระมัดระวัง
และยังเป็นห่วงประชาชนที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งนิสิตนักศึกษาที่ไปร่วมด้วย เพราะกฎหมายคือกฎหมาย ดังนั้นการที่จะเอาใครมาร่วมในการพิจารณาต้องดูความเหมาะสมว่าควรหรือไม่ ไม่อยากให้ต่างชาติมาให้ร้ายเราด้วยข้อมูลที่บิดเบือนออกไปเพราะบางทีก็ไม่เกิดประโยชน์ ประเทศไทยมีอิสระ ดังนั้นไม่ควรให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาของเรา และย้ำว่าเรื่องกติกาพันธสัญญาต่างๆของโลกเราก็ทำอยู่แล้ว ซึ่งต้องดูว่าการยอมรับจากต่างประเทศเป็นอย่างไรจากสถิติต่างๆ รวมทั้งการยกระดับและความน่าเชื่อถือเชื่อมั่นต่างๆที่ดีขึ้นตามลำดับ วันนี้ถ้าประเทศไทยมีปัญหาคิดว่าก็จากเราเองเป็นส่วนใหญ่จึงขอร้องทุกคนก็แล้วกัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ น.ส.พรรณิการ์ ออกมาเปิดเผย ไม่เป็นความจริง เพราะอินเตอร์โพลออก หลังจากที่บุคคลที่น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึง เดินทางมาประเทศไทยแล้ว ยืนยันประเทศไทยทำตามหลักสากล ไม่ได้ให้ที่พักพิงผู้ร้ายที่ถูกออกหมายจับ รัฐบาลไม่ได้เป็นพันธมิตรมืดกับนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และไม่รู้จักบุคคลตามที่กล่าวอ้าง
พล.อ.ประวิตร ถามกลับผู้สื่อข่าวว่าแล้วบุคคลดังกล่าวเกี่ยวอะไร ส่วนกรณีพาดพิงว่ามีผู้มีอิทธิพลที่เป็นคนไทยอักษรย่อ พ. เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้จักและไม่รู้ว่าเป็นใคร เมื่อถามว่ารัฐบาลจะฟ้องร้องหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่ถ้าผิด ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย / รัฐบาลไม่จำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียด
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการฝ่ายกฎหมาย พิจารณาตรวจสอบถ้อยคำที่ น.ส.พรรณิการ์แถลงทั้งหมดว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร เพราะเป็นการกล่าวหา พาดพิงให้ร้ายรัฐบาล หน่วยงานรัฐ และเจ้าหน้าที่หลายราย ทำให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรและเกิดความสับสนแก่ประชาชน หากมีความคืบหน้าประการใดจะชี้แจงให้ทราบอย่างเป็นระยะต่อไป
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่ากรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายจัสโต้ ซาเวียร์ อันเดร ไว้ในการควบคุมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 58 ตามหมายขังของศาล ต่อมามีคำพิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2558 (ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.2657/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2737/2558) ตัดสินให้จำคุกผู้ต้องขังรายดังกล่าว ในข้อหารีดเอาทรัพย์ (ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338, 80) โดยมีพฤติการณ์กล่าวคือ จำเลยเคยเป็นลูกจ้างบริษัทปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (ผู้เสียหาย) ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหาร เมื่อผู้เสียหายเลิกจ้างจำเลยตามกฎหมายแล้ว จำเลยกลับขู่เข็ญจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ทั้งจะขายข้อมูลความลับให้บุคคลภายนอก หากผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงิน 2.5 ล้านฟรังก์สวิส (หรือราว 80 ล้านบาท) การกระทำของจำเลยถือเป็นความผิดร้ายแรงและสามารถก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจแก่ผู้เสียหายได้ จึงลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 3 ปี ระหว่างถูกคุมขังกระทรวงต่างประเทศได้ส่งหนังสือคำร้องขอโอนตัวนายจัสโต้ฯ เพื่อกลับไปรับโทษต่อยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตามสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสวิสเซอร์แลนด์ ว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาโอนนักโทษ ครั้งที่ 5/2559
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย.59 ได้มีมติไม่เห็นชอบให้โอนตัวนายจัสโต้ เนื่องจากมีคุณสมบัติขัดต่อพ.ร.บ.การปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 มาตรา 25(3) กล่าวคือโทษจำคุกที่นักโทษต่างประเทศจะต้องรับต่อไปในราชอาณาจักรเหลืออยู่น้อยกว่า 1 ปี ของโทษจำคุกทั้งสิ้นตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ทั้งนี้เป็นไปตามกฎหมายภายในของไทย มิได้มีประเด็นกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด
นายจัสโต้ ถูกจำคุกอยู่ประมาณ 1 ปี 6 เดือน ตั้งแต่ 25 มิ.ย.58 – 20 ธ.ค. 59 และได้รับการปล่อยตัวไป ตามพ.ร.ก.พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสสำคัญของชาติ 2 ฉบับ ในปี พ.ศ. 2559 / กรมราชทัณฑ์ได้มอบตัวนายจัสโต้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการ ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีเจ้าหน้าที่สถานทูตสวิสเซอร์แลนด์ร่วมสังเกตการณ์ / นายจัสโต้ เดินทางออกจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.59 ด้วยเที่ยวบินที่ TG 970
พ.ต.อ.ณรัชต์ ยังกล่าวต่อว่า อนึ่งระหว่างการถูกควบคุมตัวเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้อนุญาตให้ผู้ต้องขังเขียนรายชื่อบุคคลในครอบครัวและเพื่อนที่ประสงค์จะให้เข้าเยี่ยมไว้ในแบบฟอร์มของเรือนจำ 10 รายชื่อ / การเข้าเยี่ยมของบุคคลนอกเหนือจากรายชื่อดังกล่าวมีเพียงแต่การเข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมในคดีอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยพนักงานสอบสวนกับพวก ซึ่งมีหนังสือราชการขออนุญาตมาด้วยทุกครั้ง จากกรณีดังกล่าวอาจมีการทำให้ประชาชนเข้าใจผิดถึงการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์จึงขอยืนยันว่ากระบวนการควบคุมตัวนายจัสโต้ฯ ไปจนถึงการปล่อยตัวเป็นการดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างถูกต้องสอดคล้องกับหลักสากลทุกประการ
