ไม่พบผลการค้นหา
The Toppick - กลุ่มธุรกิจโอดได้รับผลกระทบจากการประท้วงฮ่องกง - Short Clip
The Toppick - ญี่ปุ่น ทำหิมะเทียมรับร้อนโอลิมปิกปีหน้า - Short Clip
The Toppick - ข่าวร้ายคนดังกระทบธุรกิจบันเทิงจนต้องปรับสัญญาจ้าง - Short Clip
The Toppick - เนปาลจ่อกำหนดประสบการณ์ขั้นต่ำก่อนปีนเอเวอร์เรสต์ - Short Clip
The Toppick - 'จีน' ออกประกาศห้ามประชาชนเที่ยวไต้หวันคนเดียว - Short Clip
The Toppick - เจมส์ บอนด์ จะอยู่รอดอย่างไรในยุค #MeToo - Short Clip
The Toppick - กางสถิติคดีกราดยิงในสหรัฐฯ ไม่เกี่ยวกับ 'วิดีโอเกม' - Short Clip
The Toppick - เจแปนแอร์ไลน์ใช้ไอคอนทารกช่วยจองที่นั่งห่างเด็กเล็ก - Short Clip
The Toppick - 'เพย์พาล' ถอนตัวจาก 'ลิบรา' ซีอีโอแอปเปิลชี้เอกชนไม่ควรเป็นเจ้าของสกุลเงิน - Short Clip
The Toppick - 'สกุลเงินดิจิทัลของจีน' อาจทำให้ทั่วโลกหันมาใช้เงินหยวน - Short Clip
The Toppick - จีนตั้งเป้ายกระดับ 'เซินเจิ้น' เป็น 'เมืองต้นแบบโลก' - Short Clip
The Toppick - สิงคโปร์ หนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต เอื้อสูงวัยทำงานยุคดิจิทัลได้ - Short Clip
The Toppick - เกิดเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 251 แล้วในปีนี้ - Short Clip
The Toppick - ปาร์ตี้เก็บขยะชายหาด ทำความสะอาดให้สนุกด้วยเสียงเพลง - Short Clip
The Toppick - แฮกเกอร์ 'เกาหลีเหนือ' ทำเงินกว่าพันล้านดอลลาร์ - Short Clip
The Toppick - อดีตกลุ่มติดอาวุธโคลอมเบียจัดแฟชั่นหนุนสันติภาพ - Short Clip
The Toppick - รบ.ทหารซูดานลงนามข้อตกลงเปลี่ยนผ่านสู่รบ.พลเรือน - Short Clip
The Toppick - มาตรการแบนขวดพลาสติกในสนามบินได้ผลหรือไม่? - Short Clip
The Toppick - เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ปิดบัญชีปลอมบิดเบือนประท้วงฮ่องกง - Short Clip
The Toppick - ศาลฝรั่งเศสสั่ง เกมดิจิทัลเล่นแล้ว ต้องขายต่อมือสองได้ - Short Clip
The Toppick - กระแส #MeToo จุดติดในกลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกง - Short Clip
Sep 3, 2019 01:00

การประท้วงฮ่องกงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 13 กันแล้ว โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เผยแพร่ภาพรถถังของจีนกำลังเคลื่อนไปใกล้ฮ่องกง แต่ผู้ประท้วงยังเดินหน้าชุมนุมครั้งใหม่ โดยระบุว่าเป็นการต่อต้าน 'การละเมิดทางเพศ' ผู้หญิงที่เข้าร่วมการประท้วงฮ่องกง ซึ่งสอดคล้องกับกระแสรณรงค์ #MeToo ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

การประท้วงโดยชูประเด็น #MeToo ต่อต้านการละเมิดทางเพศในฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนชูป้ายมากกว่า 3 หมื่นคน โดยมีต้นตอจากกรณีที่ผู้หญิงฮ่องกงซึ่งเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเปิดเผยว่า พวกเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวโดยใช้ความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศ โดยระบุว่าเหตุล่วงละเมิดเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ผู้ประท้วงรายหนึ่งระบุว่า เธอถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นว่าเธอซุกซ่อนอาวุธเอาไว้ในตัวหรือไม่ ซึ่งนอกจากการบังคับค้นตัวจะไม่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติทางกฎหมายแล้ว การที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเป็นผู้ชายก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็น "การจงใจให้ผู้ประท้วงเกิดความอับอายและถูกดูหมิ่น" 

ส่วนผู้ชุมนุมอีกรายหนึ่งระบุว่าเธอถูกเจ้าหน้าที่ลากตัวไปกับพื้น จนกระโปรงที่สวมอยู่เปิดขึ้นมานเห็นกางเกงชั้นใน เธอพยายามขอร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว เพื่อที่จะลุกขึ้นมาเดินเอง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ด่าประณามอย่างรุนแรงว่าเป็นโสเภณี

การปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและเข้าข่ายละเมิดทางเพศทำให้ผู้ประท้วงฮ่องกงหยิบประเด็นการรณรงค์ #MeToo มาเป็นเหตุผลในการรวมตัวกันครั้งใหม่ โดยจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลฮ่องกงสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาตัวเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำผิดมาลงโทษ แต่รัฐบาลฮ่องกงก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ประท้วงคนใดมายื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งย้ำด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกสั่งให้ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างมีมนุษยธรรม

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่ากลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกงและเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกันรุนแรงหลายครั้ง โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ มีการยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุม มีการบังคับควบคุมตัว รวมถึงใช้ถ้อยคำยั่วยุผู้ประท้วง ในขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนก็ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน โดยมีทั้งการขว้างปาระเบิดขวดและก้อนอิฐเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย และมีผู้ถูกจับกุมแล้วประมาณ 900 ราย

ด้าน 'แคร์รี่ หล่ำ' ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ประกาศว่า เธอจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่ผู้ประท้วงกล่าวหา พร้อมทั้งตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่า เธอไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การประท้วงได้ โดยเธอย้ำว่า ผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรงจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง

ส่วนกระแสข่าวลือที่ผู้ประท้วงฮ่องกงเกรงว่ารัฐบาลของแคร์รี หล่ำ จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อเปิดให้กองทัพจีนเข้ามาใช้อำนาจแทรกแซงและปราบปรามการชุมนุมประท้วงนั้น ถูกโต้แย้งโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงบางราย ซึ่งระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นต้องอาศัยการลงมติเห็นชอบในสภาด้วย แคร์รี หล่ำ จึงไม่สามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ด้วยตัวเอง และเชื่อว่าสมาชิกสภาฯ น่าจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะอาจจะเป็นการนำกฎหมายเก่าแก่ตั้งแต่สมัยฮ่องกงยังเป็นอาณานิคมอังกฤษกลับมาใช้ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการก้าวถอยหลังนั่นเอง

ทั้งนี้ การประท้วงฮ่องกงเริ่มจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งผู้ประท้วงมองว่าเป็นการปล่อยให้จีนเข้ามาแทรกแซงอธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมของฮ่องกง ซึ่งจะต้องมีอำนาจในการบริหารจัดการตัวเอง ภายใต้หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ แต่หลังจากที่มีการตอบโต้กันไปมาระหว่างผู้ประท้วงและรัฐบาลฮ่องกง ทำให้การประท้วงยกระดับไปสู่การต่อต้านรัฐบาลและเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองฮ่องกง รวมถึงการเรียกร้องอิสรภาพฮ่องกงอีกด้วย

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog