นพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เมียนมาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และขอให้รัฐบาลเร่งเพิ่มบทบาท ทำงานร่วมกับอาเซียน จีน และอินเดีย เปิดช่องทางสื่อสารไทย-เมียนมา กับสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ขอให้ใช้การพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย พร้อมถามความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างไทยและเมียนมาที่ได้ประกาศความจำนงไปตั้งแต่ ธ.ค. 2566 โดยสถานการณ์ล่าสุด กองกำลังพันธมิตรภราดรภาพ (Brotherhood Alliance) ได้ออกแถลงการณ์ยึดเมืองเล่าก์ก่ายได้สำเร็จ โดยไม่มีกองทัพเมียนมาอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้สถานการณ์เมียนมาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คณะกมธ.ต่างประเทศติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องและอยากเห็นเสถียรภาพการเมืองและสันติภาพในเมียนมา แม้จะเป็นเรื่องภายใน แต่ปัญหาในเมียนมากระทบไทยและอาเซียน
นพดล กล่าวต่อว่าคณะ กมธ. ต่างประเทศเคยมีข้อเสนอ 5 ข้อไปยังรัฐบาล ได้แก่ 1) ให้รัฐบาลเพิ่มบทบาท ทำงานร่วมกับอาเซียน จีนและอินเดีย ผลักดันฉันทามติอาเซียน 5 ข้อ (Five Point Consensus)
2) เปิดช่องทางสื่อสารไทย-เมียนมา กับฝ่ายรัฐบาล SAC ฝ่าย NUG และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
3) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมียนมาใช้การเจรจาเพื่อหาทางออก
4) เร่งตั้งคณะกรรมการพิเศษดูแลและดำเนินการเฝ้าติดตามสถานการณ์ในพม่า และ 5) ให้ดูแลผู้อพยพลี้ภัยจากเมียนมาบนพื้นฐานมนุษยธรรม และส่งเสริมให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีและสนับสนุนการเคลื่อนย้ายไปยังประเทศที่สามต่อไปนายนพดลกล่าวอีกว่าทางไทยสามารถให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้ภายใต้ขอบเขตของการทำงานร่วมกับอาเซียน จีน และอินเดีย
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะการดูแลและช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัย เพราะการสู้รบจะนำมาซึ่งสถานการณ์ทางมนุษยธรรม และทุกฝ่ายควรได้รับการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม