ไม่พบผลการค้นหา
รมต.สำนักนายกฯ นั่งนำถกแก้ปัญหาเรื่องฉาววงการสงฆ์ มอบนโยบายสำนักพุทธจังหวัดช่วยสอดส่องดูแลทุกพื้นที่-เล็งทำระบบฐานข้อมูลกันทำผิดแล้วกลับมาบวชใหม่ เผย 'ประยุทธ์' กำชับดำเนินการเด็ดขาด

อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้มีการจัดการเรื่องข่าวฉาวเกี่ยวกับพระสงฆ์ตลอดเดือนที่ผ่านมา ว่า เรื่องฉาวเกี่ยวกับพระสงฆ์มีมาตั้งแต่ยุคพุทธกาล ซึ่งจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาให้หมดไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาในศาสนากลับมา จึงได้มอบนโยบายไปว่าสำนักพุทธประจำจังหวัด ต้องร่วมมือกับส่วนกลางในการสอดส่องดูแลให้เรื่องฉาวของพระสงฆ์ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ในทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกของผู้นำท้องถิ่นประสานความร่วมมือกันและใช้เทคโนโลยีเข้ามาตรวจสอบ ไม่จำเป็นต้องลงไปในทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนศรัทธาในพระพุทธศาสนา และร่วมกิจกรรมทางศาสนาเพิ่มขึ้น และให้มั่นใจว่าจะมีพระสงฆ์ที่ปฏิบัตินอกลู่นอกทางให้น้อยลง ซึ่งหากพบสิ่งปกติให้ตรวจสอบและรายงานมายังส่วนกลางทันทีเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา

ซึ่งสำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด จะมีการนัดหมายกันอีกครั้ง เพื่อให้ทุกฝ่ายมากำหนดและสรุปว่าจะมีกติกาอย่างไรว่า จะดำเนินการอย่างไรให้ชาวพุทธเกิดความเชื่อมั่นต่อไป

ซึ่งทุกกรณีฉาวเกิดขึ้นในแวดวงพระพุทธศาสนา ได้ดำเนินการตามระบบในทุกเรื่องกับพระที่ทำผิดพระวินัย เพียงแต่ไม่เอาออกมาประจาน แต่จะดำเนินการเชิงรุก จะเรื่องไม่มีการหย่อนยานในประเด็นฉาวทุกเรื่องเพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีความห่วงใย จึงกำชับให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดขาด ซึ่งมั่นใจว่าหากสำนักงานพระพุทธศาสนาร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวจะเห็นเป็นรูปธรรมภายในหนึ่งเดือน

ส่วนมาตรการการกระทำผิดและลาสิขาแล้วกลับมาบวชใหม่นั้น เรื่องนี้จะต้องดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลเชิงระบบ โดยขณะนี้กำลังเก็บข้อมูลพระสงฆ์ และตรวจสอบในพื้นที่ กรณีการบวชใหม่จะต้องประสานพระอุปประชาในพื้นที่ให้เข้มงวดในกรณีมีผู้มาบวชต้องตรวจสอบประวัติซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน รวมไปถึงการทำบัตรประจำตัวและประวัติพระสงฆ์โดยจะมีการเสนอมหาเถระสมาคมต่อไป ซึ่งหากมีพระอุปประชายินยอมให้บวชโดยไม่ตรวจสอบประวัติจะมีการกำหนดบทลงโทษต่อไป


'อนุชา' ยังกั๊กย้ายซบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่

วันที่ 1 ก.พ. อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการที่จะย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ตนเองยังเป็นสมาชิกและเป็น ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ อยู่ ส่วนการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองยังไม่ชัดเจน แต่ยืนยันว่าตนทำงานกับนายกรัฐมนตรีก็มีความสุขดี ได้เห็นวิธีการทำงานในหลายอย่างในเรื่องของความศรัทธา เรื่องการทำงานก็มีให้นายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ ซึ่งบางครั้งพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิด หรือหลายคนเห็นเพราะสำหรับตนเอง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่มีความจิงใจและมุ่งมั่นในการทำงานซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองยึดมั่น เป็นหลักในเวลานี้

พร้อมยืนยันไม่มีความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ แต่ยึดหลักในเรื่องความจริงใจในการทำงานมุ่งมั่นทำงานเหนือกว่าเรื่องการเมือง ซึ่งในกลุ่มสามมิตรไม่ได้มีการทัดทานใดๆ เพราะอยู่กันแบบพี่น้องไม่มีข้อขัดแย้งทำงานด้วยกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันมาบางครั้งมีความคิดต่างกัน ก็ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องความเป็นพี่น้องเพราะอยู่กันมา 30 กว่าปีในเรื่องเหล่านี้ไม่มีประเด็น 

ส่วนที่ระบุว่า สมศักดิ์ระบุว่าตนจะไปอยู่กับ พล.อ ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาตินั้นจะประกาศวันนี้เลยหรือไม่ อนุชา กล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนอีกครั้ง หลังปิดสมัยประชุมสภา 28 ก.พ.นี้

ทั้งนี้ อนุชา ยืนยันด้วยว่า ในชีวิตการทำงานของตนไม่เคยต่อรองเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีหากไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแม้แต่ครั้งเดียว และตนจะไม่มีการชวนใครเพราะใครอยากทำงานตรงไหนสบายใจตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นเพราะตนเคารพความเป็นส.ส. 

ทั้งนี้ตนเองจะลงสมัครในนาม ส.ส.เขต อยู่แล้วซึ่งหากมีการย้ายพรรคการเมืองก็จะมีการวางตัวผู้สมัครในพื้นที่ชัยนาทไว้อยู่แล้วถือเป็นเรื่องปกติ