วันที่ 15 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออภิปรายเนื้อหาภาพรวมของพรรคร่วมฝ่ายค้านตลอด 2 วัน
นพ.ชลน่าน ระบุว่า การบริหารราชการแผ่นดินของ ครม. ภายใต้การนำ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลากว่าสามปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติหรือดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่เคยได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 16 ประการ พบว่าประชาชนระดับฐานรากยังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมากขึ้น เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย
ทั้งนี้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ ขาดความจริงใจ ปล่อยให้พรรคการเมืองดำเนินการกันไปเอง และแก้ปัญหาอุปสรรคกันเอาเอง เป็นต้น การบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรีมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ
นพ.ชลน่าน ยังระบุอีกว่า รัฐบาลแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องปิดตัวเองลงจำนวนมาก ขณะที่การแก้ปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกลับไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงและสุขภาพอนามัยรวมถึงชีวิต
นอกจากนี้ ความปลอดภัยของประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไข กลับปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างแพร่หลายกระจายไปตามชุมชน ขณะที่ปัญหาอาชญากรรมมีแนวโน้มที่รุนแรง และมีสถิติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังเช่นการเกิดเหตุกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู โดยก่อนหน้าก็เกิดเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมาแล้ว รัฐบาลกลับมีได้ดำเนินมาตรการใด ๆ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว
นพ.ชลน่าน เน้นย้ำว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้เห็นได้ว่าระยะเวลาสามปีกว่าของการบริหารราชการแผ่นดินของ ครม. เป็นเวลาที่ทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสในการที่จะได้รับการพัฒนาขาดความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อ ครม. ต้องรับผิดชอบร่วมกันต่อรัฐสภาในการกำหนดนโยบายและการดำเนินการตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 164 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
“ทั้งหมด ทั้งหลาย ทั้งปวง คนดีที่ใส่หน้ากากกระชากแล้วเป็นอย่างไร พี่น้องประชาชนโปรดติดตาม ลงคะแนนไม่ได้ อยากให้ท่านไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ว่าท่านอยากให้คนดีเหล่านี้อยู่ต่อไป หรืออยากให้ประเทศเราไปต่อ ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต และมีความหมาย ไม่ใช่ไปต่อเพื่อประโยชน์ของใครบางคนเพื่อสืบทอดอำนาจ” นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้าย