พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร นำโดย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรค และกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร และมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคร่วมปราศรัย
โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยว่า ต้องหยุดภารกิจคารวะแผ่นดิน ซึ่งเหลือเพียง 5 จังหวัดก็จะครบทั้งประเทศ เพื่อมาคาราวะชาวบึงกุ่มและใกล้เคียงในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมาถูกตั้งคำถามและวิจารณ์มากมาย ทั้งการกลับมาทำงานการเมืองหรือมองว่าตัวเองเป็นเจ้าของพรรค พร้อมยืนยันว่า พรรคนี้เป็นของคนทั้งประเทศและเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริงเพียงพรรคเดียวในประเทศนี้ เพราะระดมทุนและกำหนดทิศทางโดยสมาชิก และยังเป็นพรรคเดียวที่สมาชิกได้กำหนดคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม เพื่อตรวจสอบบุคคลากรของพรรคที่จะมีตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จากการเดินคารวะแผ่นดิน ได้รู้ปัญหาและความต้องการของคนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องและการค้าขายที่ยากลำบาก ดังนั้นเมื่อเป็นพรรคของประชาชน ต้องแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน พร้อมย้ำภารกิจของพรรคที่เน้น 2 เรื่องคือ 1) ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนให้บรรลุผลสำเร็จให้ได้ กับ 2)ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาวบ้านให้ได้
โดยจะใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชานำพาประชาชนให้อยู่อย่างพอเพียงและมีศักดิ์ศรี และต้องกำหนดเส้นมาตรฐานแห่งความพอเพียง อาจจะ 15,000 บาทต่อเดือนเป็นตัวเลขสมมติ หากครอบครัวใดมีรายได้ต่ำกว่านี้ รัฐบาลต้องช่วยสนับสนุนให้มีรายได้ถึงเส้นมาตรฐานแห่งความพอเพียงเป็นอย่างน้อย
ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหาร รปช. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย ทำงานการเมืองเพื่อความอยู่รอดของประเทศ ไม่ใช่แค่เพียงประชาธิปไตยเท่านั้น และต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อไม่ให้ตัวร้ายตัวเก่าที่อยู่ต่างประเทศ กลับเข้ามามีอำนาจ โดยเฉพาะจากยุทธวิธีแตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย หรือแยกตัวเป็นพรรคต่างๆในการลงสมัครรับเลือกตั้ง
"เกิดพรรคแบงก์ร้อยมา 2-3พรรค พวกนี้ชื่อจะคล้ายๆกัน โดยความร้ายแรงคือ ทำพรรคหลอกประชาชน หลอกคนซื่อคนวัยใส คนที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง การทำการเมืองเที่ยวนี้ ต้องทำไม่ให้ตัวร้ายตัวเก่า ตัวร้ายตัวใหม่ ขึ้นสู่อำนาจแล้วใช้อำนาจทำอะไรหลายอย่างที่ร้ายแรงอย่างน้อยที่สุดก็พาผู้ใหญ่นอกพรรคเหล่านี้กลับคืนประเทศโดยเย้ยหยันต่อหลักนิติธรรม ใช้เสียงข้างมากผ่าน พ.ร.บ.ในทำนองเดียวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย" นายเอนก ระบุ
"พรรค รปช. ของเรากำลังไปได้ดี ทุกเขตกระแสกำลังขึ้นไม่หยุด และจะขึ้นมากขึนเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามา สิ่งที่สำคัญคือการต่อสู้ทางความคิดสติปัญญา อุดมการณ์พรรคเราจะปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เราไม่ได้นับถือสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงพิธีการ แต่นับถือแท้จริงเป็นศูนย์กลางความสามัคคี ความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์คือสิ่งที่เราต้องปกป้อง สถาบันกับประชาชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอันตราย การเมืองเราไปไม่ถึงไหน 70-80 ปี เพราะขนาดธรรมาธิปไตย พรรค รปช.จะยึดหลักธรรมาธิปไตยในการบริหารบ้านเมือง
นายเอนก ยังย้ำว่า รปช. ไม่ใช่เผด็จการเราเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ได้หยุดแค่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยอย่างเดียวไม่พอ เราต้องต่อสู้เพื่อความสงบ สันติเพื่อบ้านเมือง เราจะพากันเดินไปวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. การเลือกตั้งนี้เมื่อประกาศผลมาแล้วจะต้องทำให้ประเทศไทยสงบ สันติ ต้องเลิกเรื่องสี เรื่องกลุ่ม ถ้าประชาชนตัดสินแล้วว่าใครควรเป็นรัฐบาล ใครควรเป็นฝ่ายค้าน เราทุกพรรคทุกฝ่ายต้องยอมรับผลตัดสินอันนั้น เราเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่เป็นสาธารณรัฐโดยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ วันที่ 24 มี.ค.ต้องเลือก รปช. ทำงานใหญ่ ให้เป็นรัฐบาล
ขณะที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล ปราศรัยเพียงสั้นๆระบุว่า ที่มายืนตรงจุดนี้และขึ้นเวทีวันนี้ได้ เพราะนายสุเทพ เป็นผู้ชวนมา และได้กล่าวชื่นชมนายสุเทพว่ามีคุณสมบัติที่ดีคือ "กัดไม่ปล่อย ต่อยไม่เลิก" พร้อมย้ำว่า หากไม่มี กปปส.ก็ไม่มีพรรคนี้ และอวยพรให้ผู้สมัคร ส.ส.ประสบชัยชนะในสนามเลือกตั้ง