พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่หาเสียง นายก อบจ. ที่จังหวัดหนองคาย ให้กับ ธนพล ไลละวิทย์มงคล เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า จังหวัดหนองคาย มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนา ซึ่งหากไม่มีการปฏิวัติในปี 2557 ป่านนี้คงมีรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเชื่อมต่อไปถึงประเทศจีน และทำให้จังหวัดหนองคายพัฒนาไปแล้ว ไม่ต้องมารอไม่ทราบเมื่อไหร่จะเสร็จ ซึ่งหากทำเสร็จก่อนหน้านี้ จะช่วยทำให้หนองคายเป็นฮับของการค้าและการลงทุนของภูมิภาคนี้ได้ อีกทั้งยังจะช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคายได้อย่างมาก
ปัจจุบัน ประชาชนชาวหนองคายได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รายได้ลดลงกันหมด การค้าขายฝืดเคือง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าวและยางพารา โดยยังไม่มีทิศทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างไร
ทั้งนี้ จังหวัดหนองคายยังมีการค้าขายชายแดนจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีปัญหาความยุ่งยากของระเบียบศุลกากรซึ่งควรจะต้องแก้ไขให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น และจะช่วยทำให้การค้าขายชายแดนสะดวกมากขึ้น โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องปรับปรุงระเบียบและพิธีการศุลกากรของจังหวัดชายแดนทุกจังหวัดทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกและไม่เป็นอุปสรรคกับการค้าขายบริเวณชายแดน อีกทั้งยังสนับสนุนห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ในอนาคต เพียงแค่คอยระวังการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและของผิดกฎหมายเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า การแข็งค่าของเงินบาทเป็นอุปสรรคต่อการค้าชายแดนอย่างมาก โดยเงินบาทช่วงหนึ่งได้แข็งค่าทะลุ 30 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐแล้วในวันนี้ ซึ่งแข็งค่าที่สุดในรอบ 12 เดือน โดยอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อเงินกีบของลาวก็ได้พุ่งขึ้นถึง 24% จาก 250 กีบต่อบาท เป็น 310 กีบต่อบาท ซึ่งทำให้สินค้าของประเทศไทยมีราคาสูงมาก ทำให้ขายสินค้าได้ลดลง และจากข้อมูลพบว่าการค้าชายแดนของไทยตลอด 10 เดือน ตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม การค้าขายชายแดนของไทยทั้งหมดลดลง 4.11 % กับลาวลดลง 5.21% กับ มาเลเซียลดลง 14.67% กับ เมียนมาร์ลดลง 14.85% กับเวียดนามลดลง 13.77% กับกัมพูชาลดลง 1.16% เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลและแบงค์ชาติจะต้องร่วมมือกันเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะจะส่งผลกระทบกับการส่งออก และจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดหนักมากขึ้น
พิชัย กล่าวว่า การค้าขายชายแดนส่วนใหญ่จะใช้เงินบาทเป็นสกุลหลักในการซื้อขาย ซึ่งมีมูลค่าการค้าขายระหว่างกันที่สูงมากและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นไปอีก ดังนั้นประเทศไทยจึงควรพัฒนายกระดับเงินบาทให้เป็นเงินสกุลหลักของภูมิภาค ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์อย่างมากในหลายด้าน และ ประเทศเพื่อนบ้านก็จะได้ประโยชน์ด้วย ทั้งนี้ไทยมีเงินทุนสำรองต่างประเทศในระดับสูง ซึ่งทำให้เงินบาทมีความมั่นคงและเป็นที่น่าเชื่อถือ แต่ประเทศจะต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ไม่ทำอะไรที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเหมือนปัจจุบัน ที่ถูกวุฒิสภาสหรัฐส่งหนังสือตำหนิพฤติกรรมของรัฐบาล โดยแนะนำให้ไทยพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและให้รับฟังผู้ชุมนุม อย่าได้คุกคามประชาชนและดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมเหมือนที่ทำอยู่ ซึ่งนับเป็นความน่าอับอายอย่างมาก แถมรัฐบาลยังส่งโฆษกรัฐบาลมาแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ขัดต่อความจริงที่ปรากฏในภาพและคลิปข่าวที่กระจายไปทั่วโลกแล้ว
ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นผู้นำประเทศไทยจะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไป การพัฒนาและการริเริ่มความคิดสร้างสรรค์เพื่อจะพัฒนาประเทศจะทำไม่ได้เลย นับเป็นการถ่วงความเจริญของประเทศอย่างแท้จริง