แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากสภาส่งบันทึกการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้ศาล รธน.พิจารณาเพิ่มเติม ว่า วันนี้ศาลคงยังไม่มีคำพิพากษา แต่จะเป็นการคุยว่าหลักฐานที่ได้มาเพียงพอหรือยัง และจะเป็นการรวมว่าเมื่อตุลาการทั้ง 9 คน ได้รับเอกสารชี้แจงจากผู้ถูกร้องแล้ว จะมีความเห็นอย่างไรหรือเอกสารเพียงพอหรือยัง
ถ้าเอกสารครบหมดแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าพร้อมจะพิจารณาหรือยัง แต่ถ้าศาลอยากจะได้อะไรเพิ่มก็จะเสนอมา ซึ่งประธานก็คงจะเรียก แต่ถ้าเอกสารพร้อมเรียบร้อย ก็คงจะถามว่าเมื่อไหร่ตุลาการพร้อมที่จะทำความเห็นส่วนตัวและความเห็นกลาง เพื่อจะนัด พิจารณาและมีคำพิพากษาเมื่อไหร่อีกครั้งหนึ่ง และถ้าจะนัดฟังคำพิพากษาเมื่อไหร่ จะต้องมีหนังสือไปถึงคู่ความคือผู้ร้องและผู้ถูกร้องให้มาฟัง แต่ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือมา หากศาลมีหนังสือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมกฎหมาย ให้เป็นผู้ไปฟังแทน โดยนายกฯ ไม่จำเป็นต้องไปเอง
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข้อเสนอให้ กรธ. ส่งคำชี้แจงถึงศาลนั้น ทีมกฎหมายยังไม่ทราบ แต่ขนาดนี้ศาลไม่ได้ส่งคำถามอะไรมาเพิ่มเติม มีเพียงเอกสารจากฝ่ายผู้ร้องที่เป็นความเห็นของนักวิชาการ 30-40 คนที่ศาลส่งมาให้ผู้ถูกร้องรับทราบเท่านั้น โดยไม่ให้ชี้แจงอะไรเพิ่ม แต่ในส่วนคำชี้แจงของนายกฯขณะนี้ถือว่าจบแล้วรอ รอเพียงศาลวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นที่เพิ่มเติมเข้ามา ตอนหลังศาลก็รับไว้และแจ้งให้คู่ความทราบเท่านั้น โดยเท่าที่ดูความเห็นจากนักวิชาการ ก็คงมี 3 ทางตามที่เป็นข่าวออกไป คือนับตั้งแต่ ปี57 ปี60 หรือปี62 ก็คงเป็นตามนี้ในทางใดทางหนึ่ง ศาลก็คงพิจารณาไปตามนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากขั้นตอนกระบวนการและเอกสารทั้งหมด ประเมินได้หรือไม่ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในเดือน ก.ย.นี้ แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเริ่มมาตั้งแต่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อศาลสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็คงต้องรีบทำ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินจะขาดผู้นำไม่ได้ ส่วนจะมีคำวินิจฉัยภายในเดือนนี้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตุลาการทั้ง 9 คนว่าจะมีความพร้อมหรือยัง เพราะต้องทำความเห็นส่วนตนและความเห็นกลางก่อนที่จะมีคำพิพากษา อาจจะเสร็จในช่วงเช้าและบ่ายมีคำพิพากษาก็เป็นได้ โดยทีมกฎหมายของนายกฯคาดหวังว่าจะเสร็จในเดือน ก.ย.นี้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการในข้างต้น เพราะผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องมีหน้าที่ฟังและเคารพในดุลพินิจของศาล