ไม่พบผลการค้นหา
โฆษก Wevo ชี้การจับกุมตัวสมาชิกเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการแสดงบัตร ไม่มีหมายจับ ไม่มีหมายค้น ไม่แจ้งความผิด ไม่ระบุสถานที่ควบคุมตัว ถูกหน่วยพิเศษใช้ปืนจ่อขู่ให้หยุดไลฟ์ ย้ำอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้ ไม่ใช้สิ่งผิดกฎหมาย เผยปฏิบัติการในวันนั้นมีเพียงแค่การพาคนออกจากพื้นที่เกิดการปะทะ เชื่อการขับรถควบคุมตัวไปในพื้นที่การชุมนุมเป็นเกมที่รัฐวางไว้

รัฐภูมิ เลิศไพจิตร อายุ 25 ปี ในฐานะโฆษกกลุ่มมวลชนอาสา หรือ Wevo เปิดเผยในการแถลงข่าวข้อเท็จจริง และพฤติการณ์การจับกุมสมาชิกกลุ่ม Wevo ที่ลานจอดรถห้างเมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ว่า เหตุการณ์การจับกุมที่เกิดขึ้นในวันนั้นสามารถแบ่งออกได้ 2 เหตุการณ์คือ การจับกุม โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม พร้อมผู้ติดตาม ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณลานจอดรถชั้น 3 ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นการจับกุมกลุ่มสมาชิก Wevo บริเวณลานจอดรถชั้น 5

รัฐภูมิ ระบุว่า กรณีการจับกุมตัว โตโต้ และผู้ติดตามนั้น เริ่มต้นโดยการเข้ามาแสดงตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ พร้อมแจ้งว่าต้องการตรวจค้นกระเป๋าของ โตโต้ และผู้ติดตาม จากนั้นมีการเสริมกำลังเข้ามาของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช หรือหน่วย S.W.A.T พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามาตรวจค้นกระเป๋าของทุกคน แต่เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาแย่งสมาร์ทโฟนไปเพื่อยุติการถ่ายทอดสดก่อนที่จะทำการตรวจค้น

รัฐภูมิ เห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ในกรณีนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทั้งการเข้าควบคุมตัวโดยไม่มีหมายจับ ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่แจ้งให้ทราบด้วยว่าจะนำตัวผู้ถูกควบคุมไปยังสถานที่ใด ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่บริสุทธิ์ในใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

รัฐภูมิ ให้ข้อมูลต่อว่า หลังจากที่การถ่ายทอดสดในเพจของโตโต้ยุติลงนั้น โตโต้ได้ถูกนำตัวขึ้นมาที่ชั้น 5 ซึ่งบริเวณนั้นมีการจับกุมสมาชิกกลุ่ม Wevo คนอื่นๆ ไว้แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวโตโต้แยกออกไปที่ชั้นอื่น จนกระทั่งมีผู้พบเห็น จึงเข้าไปถ่ายไลฟ์ลงเฟซบุ๊ก แต่บุคคลดังกล่าวก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาใช้กำลังเพื่อแย่งสมาร์ทโฟนไปยุติการถ่ายทอดสดเช่นกัน และหลังจากนั้นโตโต้ก็ถูกควบคุมตัวแยกไปที่ค่าย ตชด. ภาค 1

ในส่วนของการจับกุมสมาชิกกลุ่ม Wevo ที่เกิดขึ้นในลานจอดรถชั้น 5 รัฐภูมิ ระบุว่า ตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาพบว่า มีการเข้ามาควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษพร้อมอาวุธครบมือ โดยไม่มีหมายค้น หรือหมายจับใดๆ มีเพียงแต่การใช้กำลังและอาวุธปืนข่มขู่ นอกจากนี้ยังมีการนำกระเป๋าของสมากชิกถูกคนมากองรวมกันไว้จนไม่รู้ว่ากระเป๋าใบใดเป็นของใคร รวมทั้งมีการยึดทรัพย์สินมีค่า เช่นกระเป๋าสตางค์ และสมาร์ทโฟน เป็นต้น

"เจ้าหน้าที่ได้เอากระเป๋าของทุกคนมากองรวมกัน แล้วสั่งให้ทุกคนหมอบลง และคลานจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้มีการทำร้ายร่่างกายเกิดขึ้นด้วย มีการตบหัว ใช้เท้ากระทืบที่ใบหน้า และใช้เท้าเหยียบที่บริเวณแผ่นหลัง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกที่เป็นผู้หญิงถูกเจ้าหน้าที่ใช้ท่อนเหล็กสัมผัสที่บั่นท้าย และยังมีอีกหลายคนที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ" รัฐภูมิ กล่าว

รัฐภูมิ รับด้วยว่า การแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งระบุว่า ตรวจค้นกระเป๋าของคุณโตโต้แล้วพบสิ่งเทียมอาวุธต่างๆ ในข้อเท็จจริงแล้วสิ่งที่ค้นพบนั้นไม่ได้อยู่ในกรณีการควบคุมตัวโตโต้ แต่พบในการกรณีการควบคุมตัวสมาชิกกลุ่ม Wevo ซึ่งในการตรวจค้นนั้น ไม่ได้มีการตรวจอย่างสุจริตใจเพราะมีการนำกระเป๋าไปรวมกัน ขณะที่ผู้ถูกควบคุมตัวถูกสั่งให้หมอบก้มหน้าอยู่ อย่างไรก็ตามรัฐภูมิ สิ่งที่เจ้าหน้าที่แถลงข่าวนั้นมีบางส่วนที่สมาชิกเตรียมมาจริง เช่น หนังสติ๊ก ถุงใส่น้ำปลาร้า ส่วนสิ่งที่ระบว่าเป็นเสื้อเกราะนั้นเป็นสิ่งที่ประดิษฐ์กันขึ้นมาเอง และไม่สามารถใช้กันกระสุนจริงได้ ในกรณีที่ระบุว่าตรวจพบระเบิดควันนั้น แท้จริงแล้วอุปกรณ์ดังกล่าวเรียกว่าพลุควัน ซึ่งมีขายทั่วไป และไม่สามารถก่อให้เกิดการระเบิดได้

นอกจากนี้ รัฐภูมิ ชี้แจงด้วยว่า การเดินทางไปที่เมเจอร์ รัชโยธิน ของโตโต้ และสมาชิกกลุ่ม Wevo ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ โดยโตโต้ไปทานอาหาร และไปรับเงิน 170,000 บาท ที่แพทย์คนหนึ่งนำมาบริจาคเพื่อใช้ซื้อเครื่องกระตุกหัวใจ(AED) จำนวน 4 เครื่อง เท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้กระเป๋าที่ใส่เงินดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบรายหนึ่งยึดไป และเวลานี้ยังไม่ทราบว่ากระเป๋่าของโตโต้ และเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ที่ใด

ส่วนการเดินทางมาของสมาชิก Wevo นั้น ไม่ได้เดินทางมาร่วมชุมนุม แต่เป็นการเข้ามาเตรียมการช่วยเหลือผู้ชุมนุมหากเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเป้าหมายหลักของการเดินทางมานั้นคือการ ช่วยพาผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น พร้อมย้ำว่าสิ่งที่นำมาบางส่วนเป็นเพียงแค่อุปกรณ์สำหรับการป้องกันตัว และไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าอาวุธได้ตามกฎหมาย

"พอเขาเจอพลุควัน เขาก็จับคนหนึ่งนั่งคุกเข่า แล้วก็เอาพลุยัดใส่ปาก ถ่ายรูป แล้วก็พูดว่าส่งไปให้นาย นายเขาชอบแบบนี้" รัฐภูมิ กล่าว

วีโว่02.jpg


ชี้การขับรถควบคุมตัวไปในเส้นทางการชุมนุมอาจเป็นเกมของรัฐ ที่ต้องการภาพการชิงตัวผู้ถูกจับกุม

ส่วนกรณีที่มีการขับควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมไปในเส้นทางที่มีการชุมนุมบริเวณด้านหน้ากลุ่มอาคารศาลนั้น รัฐภูมิ ชี้ว่ากรณีนี้มีข้อพิรุธหลายอย่าง กรณีแรกคือ หากกลุ่มแรกถูกพาตัวไปยังค่าย ตชด. ภาค 1 เพราะเหตุใดรถควบคุมตัวผู้่ถูกจับกุมคันนี้จึงเลือกใช้เส้นทางนี้ และผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวไปนั้นเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ อีกทั้งผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในรถคันดังกล่าวได้ยินชัดเจนก่อนรถจะเคลื่อนออกจากห้างเมเจอร์ รัชโยธินว่า ประตูในส่วนตู้ควบคุมตัวนั้นไม่สามารถล็อค และเจ้าหน้าได้นำกุญแจมือมาคล้องไว้ โดยไม่ได้ล็อค

รัฐภูมิ มองว่ากรณีนี้ อาจจะเป็นเกมที่รัฐวางแผนไว้ให้เกิดภาพการชิงตัวผู้ถูกจับกุม แต่สุดท้ายแล้วหลังจากที่ผู้ชุมนุมหยุดรถคันดังกล่าวไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ที่ขับรถมาได้หนีไป ผู้ถูกจับกุมทั้งหมดก็ไม่ได้หลบหนี แต่เลือกที่จะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยการเข้ามอบตัวที่ สน. พหลโยธิน ซึ่งตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.พหลโยธินก็ไม่ทราบว่า ทั้งหมดมามอบตัวทำไม แต่ที่แล้วก็มีการตั้งข้อกล่าวหาตามมา

"เราก็ตอบได้เหมือนคนทั่วไป เราคิดเหมือนกันว่ามันเป็นเกมของเขา หรือเป็นเป็นความต้องการของรัฐบาลที่จะด้อยค่าผู้ชุมนุมว่า ก่อเหตุความรุนแรง ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงแค่คำถาม เพราะเราไม่ทราบจริงๆ ว่า จุดประสงค์ของเขาจริงๆ คืออะไร"

วีโว่01.jpgวีโว่03.jpg


ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เผยถูกตำรวจใช้ปืนจ่อ บังคับให้หยุดไลฟ์ สั่งหมอบคว่ำหน้า ใช้เท้าเหยียบหลัง-ข้อเข่า

ฟากฟ้า อายุ 25 ปี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมบริเวณลานจอดรถชั้น 5 เธอพบเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือ วิ่งผ่านหน้าเธอไป เธอจึงวิ่งตามไปพร้อมกดถ่ายไลฟ์ในเฟซบุ๊ก เมื่อวิ่งตามไปถึง ก้พบว่าเจ้าหน้าที่สั่งให้กลุ่ม Wevo ที่เป็นผู้ชายให่้หมอบคว่ำหน้าลง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พบว่าเธอกำลังถ่ายทอดสดอยู่ก็นำปืนมาจ่อ เพื่อข่มขู่ให้ยุติการถ่ายทอดสด พร้อมทั้งเข้ามาผลัก ฉุด กระชาก จนเพื่อนผู้หญิงอีกคนปลิวไปกระแทกกำแพงจนได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็สั่งให้เธอ และเพื่อนผู้หญิงอีกคนหมอบคว่ำหน้า และมัดมือไขว้ด้วยเคเบิ้ลไทร์ อีกทั้งยังน้ำกระบองเหล็ก (ดิ้ว) มาเขี่ย ลูปบริเวณกระเป๋ากางเกง ซึ่งมีจุดหนึ่งอยู่ที่ก้นด้วย โดยอ้างว่าเป็นการตรวจค้นตามปกติ

"ตอนหนูหมอบนอนไป หน้าหนูมันติดกับเท้าคนข้างหน้า หนูก็จะขยับหลบนิดเดียว เขาก็เอาเท้ามาเหยียบลงที่ข้อเข่า แล้วโดยส่วนตัวหนูเป็นคนมีปัญหาที่เข่าอยู่แล้ว มันก็อักเสบ บวมขึ้นมา หนูก็ทำได้แค่ทนเจ็บอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าบอกเขาเพราะกลัวเขาจะทำให้เจ็บกว่าเดิม" ฟากฟ้า กล่าว