วันที่ 28 ธ.ค. 2565 ที่รัฐสภา มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายา “ดาวดับ” ให้กับตนเอง ตอนแรกไม่คิดว่าปีนี้ตนจะได้รับฉายา รู้สึกตกใจ หลังจากที่สื่อมวลชนทุกแขนงออกข่าว แต่ก็มองว่าสื่อมวลชนเอ็นดูตน ทั้งนี้ ตนขอบคุณสื่อมวลชนที่มอบฉายานี้ให้ ซึ่งตอนแรก ตนเข้าใจว่า “ดาวดับ” เป็นคำไม่ดี แต่ดูรายละเอียดแล้วก็เข้าใจได้
“ตอนแรกผมเข้าใจว่าดาวดับ เป็นคำไม่ดี แต่พอไปดูในรายละเอียด ก็เลยทราบว่าดาวดับจะต้องไปหาแสง ไม่ว่าจะเป็นคดีแตงโม กรณีที่ไปว่ายน้ำ ข้ามเจ้าพระยา รวมถึงเรือหลวงสุโขทัย”
มงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตนขออธิบายว่า หน้าที่ของ ส.ส. ที่มีหลายบทบาท ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ด้านกฎหมาย และการที่ไปข้องเกี่ยวกับคดีแตงโม เพื่อนำข้อมูลต่างๆนำไปสู่การปฏิรูป จนสามารถเสนอกฎหมายจำนวน 4 ฉบับ ต่อสภา ประกอบด้วย พ.ร.บ.สืบสวนคดีอาญา / พ.ร.บ. สำนักงานทนายรัฐ / เสนอ ป.วิอาญา 2499 / เสนอกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก ยกเลิกค่าปรับจราจร / และยังมี 2 ฉบับ ที่กำลังดำเนินการ คือ ร่าง พ.ร.บ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะมีตำรวจเรียกรับเงิน จึงเสนอว่าการแต่งตั้งโยกย้ายให้ใช้ระบบอาวุโส 100% และกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะเรื่องการผูกขาดทางการค้า คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือนมกราคมนี้
มงคลกิตติ์ ระบุว่า ตลอด 4 ปี ตนมีผลงานมากกว่าคนอื่น ทั้งการยับยั้งการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทย / คดีการทุจริตสนามฟุตซอล / คดีทุจริตคุรุภัณฑ์อาชีวะศึกษา / คดีตำบลละ 5 ล้าน ในสมัย คสช. / คดีการยับยั้งการซื้อขายที่ดินให้ต่างชาติ
มงคลกิตติ์ ย้ำว่า ตนจำเป็นต้องหาแสง เมื่อมีแสงเยอะ จะทำให้ทำงานสะดวก เหมือนกับผี เวลามีแสงก็วิ่งหายหมด คนไม่ดี คนชั่วก็วิ่งหายหมด ทั้งนี้ คำว่าดาวดับ ตนมองว่า เป็นการดับในช่วงที่มีเมฆบังอยู่เท่านั้น
“สื่อมวลชนจะว่าผมว่าเป็นดาวดับ ผมดับในช่วงที่มีเมฆบังอยู่ พอเมฆหมอกหายไป ผมก็สว่างเหมือนเดิม ฉายาดาวดับ ผมยอมรับ”
พร้อมกล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาทำงานหลากหลายหน้าที่ จำเป็นต้องมีสื่อ หากไม่มีสื่อจะทำงานลำบาก และยังเป็นพรรคที่ไม่เคยซื้อเสียงยิ่งจำเป็นต้องมีสื่อมาช่วย เพราะส่วนตัวมีต้นทุนน้อย เน้นหาเสียงจากสื่อโซเชียล หาเสียงจากการทำงาน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่าย พร้อมขอให้ประชาชนภูมิใจที่เลือกตัวเองมาทำงาน ที่ทำอย่างเต็มที่ดีกว่าคนที่ซื้อเสียงมา ยืนยัน ไม่เสียใจ และยอมรับกับฉายานี้
เมื่อถามว่าจะทำหน้าที่แบบนี้ต่อไปหรือไม่ มงคลกิตติ์ กล่าวว่า จะทำหน้าที่จนยุบสภาฯ ย้ำว่าจำเป็นต้องหาแสง เพราะประชาชนจะได้รู้ว่าทำงานตลอด ยืนยันว่าไม่เสียความมั่นใจ และยอมรับว่าเป็นวิธีการหนึ่งในการหาเสียง
“ดาวมันสว่างไม่ได้ตลอดอยู่แล้ว มันเปลืองแบต ให้มีเวลาพักบ้าง” มงคลกิตติ์ ระบุ
ส่วนฉายา “แปดเปื้อน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ไม่ใช่แค่แปดเปื้อน แต่คือ ผ้าดำ ไม่มีอะไรขาวในตัว ซึ่งแตกต่างจาก ฉายา “ดาวดับ” เพราะไม่ได้มืดด้วยตัวเอง แต่มืดมาจากเมฆ