นักปีนเขาชาวฝรั่งเศส 2 คน พบกระดูกมนุษย์เมื่อวันพุธที่แล้ว (3 ส.ค.) ขณะที่พวกตนกำลังไต่ระดับธารน้ำแข็งเชนเจน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวาเลส์ โดยโฆษกสำนักงานตำรวจสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่า กระดูกดังกล่าวถูกเคลื่อนย้ายด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงมาจากธารน้ำแข็งแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ส.ค.)
ดาริโอ แอนเดนแมทเทิน ผู้ดูแลที่พักบนภูเขาบริแทนเนียเปิดเผยว่า กระดูกดังกล่าวถูกพบใกล้กันกับเส้นทางเก่าแก่ ซึ่งเลิกใช้งานมานานแล้วกว่า 10 ปีก่อน โดยนักปีนเขาทั้งสองที่ไปพบกับกระดูกดังกล่าวโดยบังเอิญ ดันใช้แผนที่ปีนเขาเก่า ทำให้เส้นทางในแผนที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข
เนื่องจากร่างที่ถูกพบเหลือเพียงแต่กระดูกเปล่า แอนเดนแมทเทินคาดว่าผู้เสียชีวิตอาจเสียชีวิตลงเมื่อ “สักเวลาในช่วงทศวรรษที่ 2510 หรือไม่ก็ 2520”
เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้น มีการพบศพหนึ่งร่างบนธารน้ำแข็งสตอกจี ใกล้กันกับรีสอร์ตที่พักของเซฮร์แมทท์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแมทเทอร์ฮอร์น โดยจากทั้งสองกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจของวาเลส์ระบุว่า กระบวนการหาอัตลักษณ์บุคคลจากซากศพที่ถูกพบผ่านการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ และอาจจะใช้เวลา “อีกสองสามวัน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อัลพายยังคงมีรายชื่อ 300 บุคคล ที่หายตัวไปนับตั้งแต่ปี 2468 หนึ่งในชื่อผู้สูญหายเหล่านั้นมี คาร์ล-อีริวาน ฮอบ เศรษฐีเครือซุปเปอร์มาร์เก็ตชาวเยอรมัน ตลอดชนชาวรัสเซีย และสหรัฐฯ รวมสามราย ที่หายตัวไปในภูมิภาคเซอร์แมทท์ ระหว่างการฝึกซ้อมทัวร์สกีเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2561 ทั้งนี้ สื่อเยอรมนีได้เชื่อมโยงการค้นพบร่างในธารน้ำแข็งที่สตอกจีกับฮอบ ซึ่งถูกยืนยันการเสียชีวิตเมื่อปี 2564
ลุค ลูชานัวน์ นักปีนเขาวัย 55 ปี ที่พบเข้ากับศพร่างล่าสุด ระบุกับหนังสือพิมพ์ Blick ว่า เสื้อผ้าของศพที่ถูกพบเป็นสีนีออน “ในสไตล์ยุค 80” และศพได้กลายไปเป็นมัมมี อีกทั้งร่างยังได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย “แต่ร่างอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์”
ในช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มัคคุเทศก์บนภูเขาได้ค้นพบซากปรักหักพังของเครื่องบิน ที่ตกเหนือธารน้ำแข็งอาเล็ทช์ ใกล้กันกับยอดเขายูงฟราวและมงซ์ โดย โดมินิก เนลล็อง นักปีนเขาวัย 38 ปี เปิดเผยว่า “มองจากไกลๆ ผมคิดว่าผมกำลงเห็นกระเป๋าสะพายสองใบ” แต่เมื่อเขาเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ กลับพบว่ามันเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินไปเปอร์ เชอโรคี ซึ่งตกเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2511 ทั้งนี้ ศพของครู หัวหน้าทีมแพทย์ และลูกชายของเขาที่เดินทางมาจากซูริก ได้รับการกู้คืนในเวลาต่อมา แต่ซากเครื่องบินถูกทิ้งเอาไว้
หลังจากฤดูหนาวที่มีหิมะตกเพียงเล็กน้อย เทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ประสบกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้นในฤดูร้อนถึงสองครั้งที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงเดือน ก.ค. ทางการได้แนะนำให้นักปีนเขาไม่ไต่ขึ้นไปยังแมทเทอร์ฮอร์น เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงผิดปกติเกือบ 30 องศาเซลเซียสในภูมิภาคเซอร์แมทท์
ที่มา: