ไม่พบผลการค้นหา
แพทย์นิติเวชของยูเครนทำการชันสูตรพลิกศพพลเรือนที่เสียชีวิตในเมืองบูชาหลายราย โดยมีการพบว่าหลายสิบรายในนั้นเสียชีวิตจากลูกดอกเหล็กที่ถูกใส่เข้ามาในกระสุนปืนใหญ่ของรัสเซีย ก่อนการถอนทัพออกไปจากตัวเมืองตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

นักพยาธิวิทยาและเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพยืนยันว่า ศพประชาชนหลายสิบรายที่ถูกพบในหลุมฝังศพหมู่ของเมืองบูชาทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ เสียชีวิตลงจากลูกดอกเหล็กที่มีชื่อเรียกว่า ‘เฟลเช็ตต์’ ซึ่งถูกใส่มาในลูกกระสุนปืนใหญ่ชนิดหนึ่งของกองทัพรัสเซีย โดยลูกดอกเหล็กดังกล่าวพุ่งเข้าไปปักศีรษะและหน้าอกของพลเรือนผู้เคราะห์ร้ายจนถึงแก่ความตาย

“เราพบวัตถุคล้ายตะปูที่มีความบางมากในศพชายและหญิง และเช่นเดียวกันกับการพบของทีมงานของผมในพื้นที่นี้” วลาดิสลาฟ ปีรอฟสกี แพทย์นิติเชยูเครนเปิดเผยกับทางสำนักข่าว The Guardian “มันยากมากที่จะพบสิ่งนี้ (ลูกดอก) ในร่างกายเหล่านั้น พวกมันมีความบางมากๆ” ทั้งนี้ ศพส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ของบูชาและเออร์ปินของยูเครน

จากการยืนยันของผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านอาวุธกับทางสำนักข่าว The Guardian เปิดเผยว่า ลูกดอกเหล็กที่ถูกพบในร่างของผู้เสียชีวิตชาวยูเครนจากการยิงปืนใหญ่ถล่มของรัสเซียนั้น เป็นอาวุธต่อต้านบุคคลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่าเฟลเช็ตต์ตามที่ได้รายงานไปในเบื้องต้น

ลูกดอกเหล็กเหล่านี้ถูกบรรจุอยู่ในกระสุนของรถถังหรือปืนสนาม โดยแต่ละหัวกระสุนจะมีเฟลเช็ตต์บรรจุอยู่ภายในได้มากถึง 8,000 ดอก และเมื่อถูกยิงออกมา ตัวกระสุนจะระเบิดออกเหนือพื้นดิน ส่งผลให้ลูกดอกจำนวนหลายพันดอกพุ่งกระจัดกระจายไปบนอากาศ และทำการโจมตีแบบสุ่มในมนุษย์ที่อยู่ใกล้กับระเบิดในระยะเป็นร้อยเมตร

ลูกดอกเฟลเช็ตต์มักมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 4 เซนติเมตร โดยเมื่อมันระเบิดออกจากหัวกระสุนที่ถูกยิง มันจะสามารถพุ่งไปในลักษณะโค้งทรงกรวยที่ความกว้าง 300 เมตร และความไกล 100 เมตร และเมื่อลูกดอกพุ่งเข้าไปยังร่างของเหยื่อ ลูกดอกอาจเปลี่ยนรูปตัวเองให้งอเป็นตะขอ ทั้งนี้ ส่วนหลังของลูกดอกประกอบด้วยครีบสี่อัน และมักจะหักออกจนส่งผลให้เกิดบาดแผลที่สองซ้ำเข้าไปอีก

จากการให้การของพยานพบว่า กองทัพรัสเซียทำการยิงกระสุนที่บรรจุกลูกดอกลักษณะนี้ในช่วง 2-3 วันก่อนการถอนทัพของตนเองออกนอกรอบกรุงเคียฟ เนื่องจากความพ้ายแพ้ของตนเองในสมรภูมิดังกล่าว สวิตลานา ชมุต ประชาชนในเมืองบูชาเปิดเผยกับสำนักข่าว The Washington Post ว่า เธอพบลูกดอกลักษณะนี้ในรถยนตร์ของเธอ

กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มแบนการใช้ลูกดอกเฟลเช็ตต์ ถึงแม้ว่ากฎหมายระหว่างประเทศจะไม่ได้มีการประกาศห้ามการใช้ลูกดอกเฟลเช็ตต์ก็ตาม อย่างไรก็ดี อาวุธดังกล่าวสามารถนำมาใช้ในการโจมตีพื้นที่ที่เป็นการกระทำอันขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศได้ โดยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ลูกดอกเฟลเช็ตต์มักจะถูกใส่ในระเบิดที่ถูกทิ้งเพื่อโจมตีทหารราบ ลูกดอกดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้กันในสงครามโลกครั้งที่สองมากนัก ก่อนที่จะถูกนำกลับใช้ในสงครามเวียดนามอีกครั้ง

“คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธที่จะเข้าใจได้ว่ารัสเซียเมินเฉยต่อกฎของสงครามในบูชา” อานาโทลี เฟโดรุก นายกเทศมนตรีเมืองบูชาระบุ “บูชาได้กลายไปเป็นซาฟารีของพวกเชเชน สถานที่ที่พวกเขาใช้กับระเบิดต่อพลเรือน”

ในปัจจุบัน แทบไม่มีกองทัพสมัยใหม่ใดที่ใช้ลูกดอกเฟลเช็ตต์อีกแล้ว นอกจากกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ที่ใช้มันในปฏิบัติการณ์เลบานอนและฉนวนกาซา ซึ่งได้สังหารและทำให้พลเรือนหลายรายได้รับบาดเจ็บ โดยเคยมีผู้สื่อข่าวของ Reuters ชาวปาเลสไตน์อย่าง ฟาเดล ชานา เสียชีวิตจากลูกดอกเฟลเช็ตต์มาแล้วเมื่อปี 2551 โดยจากการเอ็กซเรย์ศพเธอมีการพบลูกดอกทั้งบริเวณหน้าอกและขาของเธอ


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2022/apr/24/dozens-bucha-civilians-killed-flechettes-metal-darts-russian-artillery?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR35yZOc-QB3vDzxCWLYmUjyjG-Q5vjhIe2Rp6qfDCXC2v0jVvYxuiOHUbQ