วันที่ 19 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรม หลัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพักโทษ โดยระบุว่า ผู้ที่วิจารณ์ยังมองย้อนอดีตมากไป ระบบยุติธรรมปัจจุบันนี้ ได้ดำรงอยู่และเราพยายามจะแก้ไขปรับปรุง ในเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรคอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนั้น เวลาจะพูดถึงระบบยุติธรรม พูดมาได้นานแล้ว ทุกอย่างในเวลานี้ก็พยายามปรับปรุง ทั้ง กระบวนการนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มีกฎหมาย มีอะไรที่วิพากษ์วิจารณ์มาพอสมควรแล้ว คิดว่าต้องมองให้กว้าง อย่าไปยึดติดกับเคสใดเคสหนึ่ง ไม่งั้นเป็นปัญหาที่ติดจมอยู่ จึงอยากพิจารณากันให้ถ่องแท้จริงๆ เรื่องทั้งหมดเป็นความเป็นจริงที่เป็นปัญหาหรือเกิดจากอคติบางส่วน
ส่วนที่นักการเมืองหลายคนอยากจะขอเข้าไปพบกับ ทักษิณ ทั้งในส่วนของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รวมไปถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่บอกว่าจะขอดูเวลาที่เหมาะสมในการเข้าพบ
ภูมิธรรม เผยว่า สำหรับตนเองในฐานะที่เคยทำงานใกล้ชิด ถ้าพูดถึงความรู้สึกของคนที่มีความรักความผูกพันกัน การที่จะได้ผ่อนคลายมีเวลาคลี่คลายความทุกข์ในใจกับปัญหาก็เป็นธรรมดาของคนที่อยากจะไปเยี่ยมเยียน อดีตนายกฯ ทักษิณจากบ้านไปตั้ง 17 ปี โดยออกจากประเทศไทยด้วยกระบวนการที่มีปัญหา ผิดจากระบบรัฐธรรมนูญ คือมีการทำรัฐประหาร และมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งคณะร่วมกันพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ ไปในทางเดียว 17 ปีแล้ว ขณะนี้ท่านทักษิณอายุมากแล้ว อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวท่านก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามปกติ เหมือนที่กลุ่มต่างๆ เหล่านี้เคยเรียกร้อง ท่านก็มาแบบเปิดเผย เข้าสู่กระบวนการ ไปที่ศาล ดังนั้น สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจและกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินการอยู่ได้นั้น ท่านกลับมาแล้วท่านคลี่คลาย
"เมื่อวานเห็นรูปที่ท่านกลับไปที่บ้านแล้วนั่งอยู่สระน้ำ เป็นธรรมดาคนจากบ้านไป 17 ปี กลับมาที่บ้านตัวเอง การออกมานั่งแล้วก็อยู่ในห้องในสถานที่ที่ถูกกักขัง ถูกควบคุม การออกมานั่ง แล้วออกมาสูดกลิ่นอิสรภาพที่เพิ่งได้รับมาเป็นเรื่องธรรมดา ถามว่าผมอยากไปเยี่ยมหรือไม่ ผมอยากไปเยี่ยม เพราะท่านเป็นคนที่เรารักเคารพ ซึ่งผมก็ได้โพสต์เฟซบุ๊คไปถึงความรู้สึก ก็เป็นแบบนั้น ท่านมาด้วยพลังแห่งความรักของคนที่ยังรักและเคารพท่าน มาจากพลังรักของครอบครัวที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นเวลานี้เป็นเวลาที่ พบกับครอบครัวใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน คงต้องปล่อยให้เป็นเวลาที่ท่านใช้กับครอบครัวให้มาก หลังจากที่หายไปถึง 17 ปีไม่เคยเจอลูกหลานในบ้านของตัวเองครอบครัวก็คงมีความรู้สึกที่ดี เราก็คงเหมือนกันมีความรู้สึกกับคนที่รักเคารพ ถ้ามีเวลาที่เหมาะสมเป็นไปได้ก็อยากไปเยี่ยม ก็จะเข้าไปเยี่ยมเหมือนกัน" นายภูมิธรรม กล่าว
ขณะที่การกลับมาของ ทักษิณ จะทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ ภูมิธรรม ตอบว่า พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว บนฐานที่ทำงานดูแลเอาใจใส่พี่น้องประชาชน ดังนั้นที่พรรคเพื่อไทยบอกมาตลอดว่าเราแข่งกับตัวเอง ความเข้มแข็งหรือไม่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่กับใคร นอกจากคนที่กังวลไม่สบายใจ กับการเติบโตและความเข้มแข็งของรัฐบาลก็อาจจะกังวล คับข้องหมองใจไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนภาพที่ออกมาหลายคนไม่เชื่อว่า ทักษิณ ป่วยจริงนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ป่วยจริงได้ไง เป็นเรื่องของเส้นเอ็นไหล่ขาด ซึ่งตนและ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตมานานจะมีเส้นเอ็นที่ขาด ของตนก็ขาด ต้องผ่าตัด มันยุ่ยไปหมด ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลและห้อยแขน 6 ถึง 7 เดือนกว่าจะคืนมาได้ และตนต้องหยุดตีกอล์ฟ หยุดออกกำลังกายไประยะหนึ่ง เพราะมันต้องระมัดระวัง
"คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเถอะ อย่าไปมองแต่เขาจะสร้างภาพ ถ้ายังวัยสัก 10 ปีแล้วมาห้อยแขนใส่เฝือกต้นคอ อาจจะบอกได้ว่ามันผิดปกติ แต่คนอายุ 70 ปี ทำเรื่องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย" ภูมิธรรม กล่าว
ส่วนหลังจากนี้จะเห็น ทักษิณ มาช่วยงานด้านใดของรัฐบาลบ้าง ภูมิธรรม กล่าวว่า ทักษิณตัดสินใจชัดเจนว่าจะกลับเข้ามาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และเคยพูดชัดเจนว่าถ้ามีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะแสดงความคิดเห็น อยู่ที่ใครรับฟังและเอาไปเป็นประโยชน์ได้ เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ตก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายเข้ามา ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง รัฐบาลก็เงี่ยหูฟังความเห็นที่สะท้อนมา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเสนอนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องธรรมดา
ภูมิธรรม ยังมองว่า ในฐานะที่ ทักษิณ เป็นคนที่มีประสบการณ์ อย่างน้อยสังคมไทยก็ยอมรับแล้วว่าในยุคสมัยของ ทักษิณ สามารถแก้วิกฤติของประเทศได้หลายเรื่อง ทั้งไข้หวัดนก หรือวิกฤติเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ฉะนั้น ถ้าจะมีความเห็นจาก ทักษิณ หากประเทศเกิดวิกฤติ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนรัฐบาลจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะไปปรับใช้เอาเอง อย่าไปกังวลใจเรื่องที่จะเสนอความเห็น และอย่าเอาไปผูกกลับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ 2 คน หรือเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเป็นห่วงเลย อย่ากังวลใจ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ดี
ภูมิธรรม กล่าวถึงปัญหายาเสพติดที่ระบาดหนัก จะมีโอกาสไปขอคำแนะนำจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดย ภูมิธรรม ระบุว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำงานและพยายามแก้ไขอยู่ และได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ต้องดูความเป็นจริงให้มาก
ภูมิธรรม ยังกล่าวว่า เวลานี้ ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเองก็ดี ก็ได้สื่อสารชัดเจนแล้วว่าเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดมีหลายทัศนะความเห็น หากเลือกตัดสินใจเด็ดขาดจัดการให้หมดก็จะมีความเห็นว่า ผิดหลักสิทธิมนุษยธรรม สร้างปัญหา ทำลายสิทธิเสรีภาพของคน ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งในสมัยรัฐบาลของ ทักษิณ ด้วย แต่ถ้าหากไปฟังส่วนนี้มาก ก็จะถูกบอกว่าไม่เด็ดขาด
ภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม ทำให้มันเด็ดขาดจึงสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังสิ่งแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้น เพราะในการจัดการยาเสพติด บางทีการจะมีการทำร้ายหรือเข่นฆ่ากัน ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลใช้อำนาจในการจัดการอย่างเดียว แต่มีทั้งการใช้อำนาจเพื่อตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด และอีกหลายอย่าง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ภูมิธรรม ย้ำว่า ในทางจิตใจเราชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องรีบจัดการ เพราะปัญหากระทบพี่น้องประชาชนอยู่ ในทางการปฏิบัติก็คงต้องระมัดระวังไม่ให้การจัดการที่เข้มงวดเด็ดขาดไปกระเทือนความรู้สึกของคน ว่าเราไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพ
"ท่านลองถามตัวเอง อยากให้จัดการเด็ดขาดหรือไม่ ถามว่าจะจัดการเด็ดขาดแบบไหน และถามว่าที่เขาบอกมาว่าต้องระมัดระวัง เคารพในความเป็นมนุษย์ จะจัดการให้สมดุลอย่างไร อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหาความสมดุลให้ได้" ภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้าย