นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ พร้อมคณะทำงาน ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด หรือ อสส. ผ่านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก อสส. ให้สั่งการเร่งนำตัวผู้ต้องหากลุ่ม กปปส. ที่เหลืออีกอย่างน้อย 20 คน ฟ้องต่อศาลอาญาในคดีร่วมกันเป็นกบฏ และขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ
จากที่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 47 คน ฟ้องต่อศาลแล้ว 27 คน ยังเหลืออีก 20 คน ไม่มีการนำตัวมาฟ้องต่อศาลอาญาปล่อยปละละเลยไม่เร่งดำเนินการให้ได้ตัวมาฟ้อง และยังยอมให้มีการขอเลื่อนนัดหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร แทนที่จะออกหมายจับ ตามอำนาจของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ จนกระทั่งความผิดบางฐานที่ฟ้องผู้ต้อหาอื่นไปแล้ว คือ คดีอาญาฐานบุกรุก มีอายุความ 5 ปี จะขาดอายุความในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
นายวิญญัติ กล่าวว่า การส่งฟ้องผู้ต้องหาที่มีหลายฐานความผิด ต้องเร่งดำเนินการก่อนอายุความฐานความผิดที่สั้นที่สุดจะหมดอายุความ ดังนั้น เพื่อเป็นการผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และเพื่อรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงต้องตั้งกรรมการสอบอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ และให้นำตัวผู้ต้องหาที่เหลือส่งฟ้องศาล หากปล่อยละเลยจนคดีขาดอายุความ จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐต่อไป
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตามสำนวนสอบสวนและมีคำสั่งฟ้องแล้ว มีดังนี้ (1)นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11 , (2)นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 ,(3)เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ต้องหาที่ 13, (4)พันตำรวจโทสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17 ,(5)นางสาวจิตรภัสร์ กฤดากร ผู้ต้องหาที่ 19, (6)นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25, (7)นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27 ,(8)พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31 ,(9)นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32 ,(10)นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33
(11)นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี ผู้ต้องหาที่ 37,(12)นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43, (13)นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44 ,(14)นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46 ,(14)นายมั่นแม่น กะการดี ผู้ต้องหาที่ 47 ,(15)นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48 , (16)นายนัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ต้องหาที่ 49 ,(17)นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50 ,(18)นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51 และ(20)นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55