นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) เข้ายื่นหนังสือต่อนายวงศ์สกุล กิตติพรพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้เร่งนำตัวผู้ต้องหาแนวกลุ่มกปปส.ที่ยังเหลือฟ้องต่อศาลอาญา อีกอย่างน้อย 18 ราย ในคดีพิเศษที่ 261/2556 หรือคดีร่วมกันเป็นกบฏ ในการชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2556 ซึ่งยังมีผู้ต้องหาคนสำคัญอีกหลายคน รวมทั้งทายาทตระกูลดังด้วย
อย่างไรก็ตาม นายวิญญัติ เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือว่า มีกระแสข่าวว่ามีบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงในรัฐบาลกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการนำตัวมาฟ้อง ทั้งที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นชุดเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งมีคำสั่งฟ้องจากอธิบดีอัยการไปแล้วเมื่อปี 2558 ต่อมาคณะทำงานคดีก็ยืนยันมติเดิมจนนำมาสู้การฟ้องแกนนำหลักๆ ไปแล้วนั้น เรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องทำหน้าที่ของตนอย่างมีเกียรติให้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้รับคำสั่งใครเรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไรหรือไม่ ตนยังไม่ยืนยันจึงมายื่นหนังสือเร่งรัดในวันนี้
ดังนั้นในการมายื่นหนังสือครั้งนี้ มีเจตนาชัดแจ้งว่า เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะและทางราชการ จึงต้องมาบอกกล่าวความเสียหายว่า หากไม่จัดให้มีการนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาฟ้องต่อศาลโดยเร็ว ภายใน 30 วันนี้ ตนมีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวโทษและใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป
สำหรับ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าวที่ยังไม่ส่งฟ้องศาล ประกอบไปด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11 นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17 น.ส.จิตรภัสร์ กฤดากร ผู้ต้องหาที่ 19 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25 นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27 พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32
นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 นายอมร อมรรัตนานนท์ (รัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี) ผู้ต้องหาที่ 37 นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43 นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44 นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46 นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48 นายนัสเซอร์ ยีหมะ (ตัวในเรือนจำ)ผู้ต้องหาที่ 49 นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50 นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51 และ นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55
อ่านเพิ่มเติม