จากกรณีสำนักข่าวอิศรา เผยแพร่หนังสือสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี 1 สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งเตือน 13 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ให้ชำระหนี้ 744 ล้านบาท แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในคดีปิดยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง เมื่อปี 2551 หากไม่ดำเนินการ ทอท. จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดอายัดทรัพย์สินของ 13 แกนนำพันธมิตรฯ ขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ต่อไป
โดยจำเลยในคดีประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี , นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง, นายสำราญ รอดเพชร, นายศิริชัย ไม้งาม, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายเทิดภูมิ ใจดี
อย่างไรก็ตาม นายศิริชัย ไม้งาม หนึ่งในจำเลยได้ให้สัมภาษณ์กองบรรณาธิการวอยซ์ทีวีว่า ในกรณีดังกล่าวจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล ซึ่งที่ผ่านมา 13 แกนนำได้พูดคุยกันนานแล้วว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" และยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนั้นไม่ได้มีการยึดหรือปิดสนามบินแต่อย่างใด ซึ่ง ทอท.ได้สั่งปิดสนามบินเอง เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กลุ่มตนรับผิดชอบ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-3 ธ.ค. 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้นัดชุมนุมใหญ่ เพื่อประท้วงกดดันรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา และแกนนำรวมทั้งหมด 13 คน ได้เคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมบุกยึดท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการการประเมินจาก ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้าไทย ว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อเศรฐษกิจเป็นเงินจำนวนมหาศาล
อ่านเพิ่มเติม: