สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานคำให้สัมภาษณ์ของ 'เอลีนา ฟอมินิค' ทนายความชาวต่างชาติของสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเผยความคืบหน้าการดำเนินเรื่องส่งตัว น.ส. อนาสตาเชีย วาคูเชวิช หรือ 'นาสเตีย ริบกา' นางแบบสาวชาวเบลารุส วัย 21 ปี และนายอเล็กซานเดอร์ คิริลลอฟ หรือ 'อเล็กซ์ เลสลีย์' ชาวรัสเซียผู้ประกาศตัวเป็นกูรูด้านเซ็กส์ พร้อมพวก 10 คน ซึ่งถูกจับกุมจากการเปิดสอนเทคนิคทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
โดยฟอมินิค ระบุว่าขั้นตอนดังกล่าวล่าช้ากว่าปกติ พร้อมอ้างประสบการณ์ทำคดีแบบเดียวกันก่อนหน้านี้ ใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วันทำการ ก็จะดำเนินเรื่องส่งตัวกลับได้สำเร็จ
ซีเอ็นเอ็นรายงานเพิ่มเติมว่า ห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ในกรุงเทพฯ มีความแออัดและสภาพอากาศร้อน และผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นมีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.วาคูเชวิช และนายคิริลลอฟ ได้ไม่นาน
โดยทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ ว่ามีหลักฐานที่เป็นภาพถ่าย วิดีโอ และคลิปเสียงที่จะเปิดโปง 'ชาวอเมริกัน' ที่ร่วมมือกับนายโอเล็ก ดิรีปาสกา เศรษฐีชาวรัสเซีย ชู้รักของวาคูเชวิช ซึ่งถูกแกนนำฝ่ายค้านรัสเซียกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 โดยอ้างอิงภาพเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในอินสตาแกรมของวาชูเควิช ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดีริปาสกาพบกับนายเซอร์เก ปรีคิดโค รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายต่างประเทศรัสเซียเมื่อเดือน ส.ค. 2559 และเป็นช่วงที่ยังมีการหาเสียงเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
(อเล็กเซีย นาวัลนี แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย เป็นผู้เผยเบาะแสว่าวาชูเควิชเกี่ยวพันกับดีริปาสกา)
ทั้งวาคูเชวิชและคิริลลอฟระบุว่าพวกเขาพร้อมจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอลี้ภัย เนื่องจากพวกเขาเกรงว่าจะได้รับอันตรายถึงชีวิตหากถูกส่งตัวกลับไปยังรัสเซีย แต่รายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่าข้อมูลที่ทั้งคู่อ้างว่ามีอยู่ในครอบครองอาจถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะทั้งคู่มีประวัติอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์
ขณะที่ พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก. (3) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยกับ 'วอยซ์ ออนไลน์' เพิ่มเติมว่า ขั้นตอนปกติในการดำเนินการส่งตัวผู้ถูกจับกุมชาวต่างชาติกลับประเทศ ขึ้นอยู่กับทางสถานทูตของประเทศนั้นๆ ว่าประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีอย่างไร ซึ่งในกรณีของวาคูเชวิชและคิริลลอฟ จะต้องมีการประสานงานกับทางสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย
ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีพบหลักฐานหรือเบาะแสอื่นๆ นอกเหนือจากข้อกล่าวหาที่มีการจับกุมตอนแรก ก็จะต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องใช้เวลา
กรณีของวาชูเควิชและคิริลลอฟ มีการยึดอุปกรณ์และเครื่องคอมพิวเตอร์เอาไว้ด้วย และต้องมีการตรวจสอบว่ามีข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ว่าจะควบคุมตัวหรือดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
อ่านเพิ่มเติม: