เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นหรือ JCG พบเรือไม้ขนาดเล็กบนชายฝั่งของญี่ปุ่น พร้อมกับศพมนุษย์ 8 ศพ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ทั้งหมดน่าจะเป็นชาวประมงจากเกาหลีเหนือ แต่จะต้องพิสูจน์สัญชาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดต่อไป นอกจากนี้ สำนักข่าวเดอะ เจแปน ไทมส์ รายงานว่า สภาพศพที่พบ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาน่าจะเสียชีวิตมานานพอสมควร จึงระบุเพศของแต่ละคนได้ยาก
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ก็เพิ่งพบศพชาย 2 คนที่บางส่วนของศพเหลือแต่กระดูกแล้ว บนชายหาดเกาะซะโดะ และแม้จะยังไม่ทราบสัญชาติของชายทั้ง 2 คน แต่เจ้าหน้าที่พบบุหรี่ของเกาหลีเหนือและเสื้อชูชีพที่มีภาษาเกาหลีอยู่ในบริเวณที่พบศพ
นายโยชิฮิโกะ ยะมะดะ อาจารย์มหาวิทยาลัยโทไคอธิบายว่า ช่วงฤดูร้อน ทะเลญี่ปุ่นจะสงบ แต่เมื่อเข้าเดือนพฤศจิกายน ทะเลจะมีคลื่นลมแรง และจะอันตรายมาก เมื่อลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดผ่าน เรือประมงเกาหลีซึ่งสภาพไม่แข็งแรงทนทานนักจะไม่สามารถต้านทานสภาพอากาศเช่นนี้ได้
หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายนปีนี้ มีเรือไม้ 43 ลำจากคาบสมุทรเกาหลีขึ้นมาเกยตื้นหรือลอยอยู่ใกล้ชายฝั่งญี่ปุ่น ในขณะที่ปี 2016 ทั้งปีมีเรือเกาหลีเหนือมาเกยตื้นทั้งหมด 66 ลำ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือประมงเกาหลีเหนือบ่อยครั้ง อยู่ในช่วงที่สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดอย่างมาก จากการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNSC มีมติยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
นายซอยูซ็อก ผู้จัดการด้านวิจัย สถาบันเกาหลีเหนือศึกษาในเกาหลีใต้ตั้งข้อสังเกตว่า ภาวะขาดแคลนอาหารอาจเป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ เรือประมงเกาหลีเหนือ เพราะรัฐบาลเกาหลีเหนืออาจกดดันให้ชาวประมงหาปลาให้มากขึ้น เพื่อไปบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหาร แต่เรือเกาหลีเหนือเล็กและเก่า ไม่เหมาะกับการเดินเรือออกมาไกลจากฝั่งทะเลเกาหลีเหนือ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเมื่อเจอสภาพอากาศที่เลวร้าย