องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ชี้แจงว่าจากกรณที่ทีมข่าว Voice TV ได้ลงพื้นที่สำรวจรถโดยสารธรรมดาของ ขสมก. ณ เขตการเดินรถที่ 2 (อู่มีนบุรี) พบว่ามีการติดตั้งเครื่องอ่านบัตร และเครื่องเก็บค่าโดยสาร จำนวน 100 คัน ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2560 แต่ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ยังไม่เชื่อมต่อระบบสัญญาณ จึงใช้พนักงานเก็บค่าโดยสาร และ Mobile Phone เพื่อรองรับการใช้บริการของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” นั้น
ขสมก. ชี้แจงว่า บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้รายงานความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องอ่านบัตร (E-Ticket) ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2560 ว่า ได้ดำเนินการติดตั้งบนรถโดยสาร จำนวน 775 คัน แต่ใช้งานได้เพียง 122 คันและติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร (Cash box) จำนวน 300 คัน แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ โดยขณะนี้ บริษัทฯได้ทำหนังสือส่งมอบ เพื่อให้ ขสมก.ทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องอ่านบัตรที่ติดตั้งบนรถโดยสารธรรมดาในสังกัดเขตการเดินรถที่ 7 จำนวน 100 คัน เพียงอุปกรณ์เดียวเท่านั้น ซึ่ง ขสมก.อยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบ สำหรับรถโดยสารในสังกัดเขตการเดินรถที่ 2 บริษัทฯยังไม่พร้อมให้ ขสมก.เข้าไปทดสอบ ปัจจุบัน ขสมก.ยังไม่มีการตรวจรับอุปกรณ์ใดๆ หรือชำระเงินค่าเช่าระบบให้กับบริษัทฯกรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถส่งมอบเครื่องอ่านบัตรและเครื่องเก็บค่าโดยสารได้ตามสัญญา ขสมก.จะดำเนินการปรับบริษัทฯ ตามรายละเอียดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาต่อไป
ทั้งนี้ ตามสัญญากำหนดให้บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ติดตั้งเครื่องอ่านบัตรและเครื่องเก็บค่าโดยสารบนรถ จำนวน 2,600 คัน โดยจะต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จ จำนวน 800 คัน ภายในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 แต่ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่สามารถส่งมอบเครื่องอ่านบัตรและเครื่องเก็บค่าโดยสารให้กับ ขสมก.ได้ตามสัญญา โดยอ้างว่ามีปัญหาทางด้านเทคนิค ซึ่งขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ขสมก.รับมอบนโยบายจาก นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจากการเดินทางมาตรวจเยี่ยม เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2560 ว่า “ก่อนที่ ขสมก.จะดำเนินการประกวดราคาการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องทำการทดลองก่อน เพื่อวิเคราะห์ข้อดี – ข้อเสีย โดยเชิญเอกชนผู้สนใจมาร่วมทดลอง เมื่อประเมินผลการทดลองแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงค่อยดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป”