ไม่พบผลการค้นหา
ขสมก. เล็งชะลอหรือยกเลิกสัญญาการติดตั้ง Cash box บนรถเมล์ หากพบว่าระบบมีปัญหาใช้งานไม่ได้จริง ด้านการทดสอบe-Ticket รอบแรก ยังพบปัญหา เอกชนอยู่ระหว่างแก้ไขและนัดทดสอบอีกครั้ง

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket) ระยะเวลา 5 ปี วงเงิน 1,665 ล้านบาทว่า กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานโดยบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทนำ ได้ติดตั้งเครื่องอี-ทิกเก็ตบนรถรถเมล์ไปแล้วกว่า 700 คัน ซึ่งภายหลังการทดสอบระบบบนรถเมล์ 100 คัน เมื่อ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าใช้งานได้ 65 คัน ส่วนที่เหลืออีก 35 คันเครื่องยังไม่เสถียร อ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จึงยังไม่ตรวจรับและจะไม่ตรวจรับจนกว่าระบบบนรถเมล์ทั้ง 100 คันจะเสถียร 

ทั้งนี้ เอกชนอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหาและจะนัด ขสมก.ทดสอบระบบอีกครั้ง โดยตอนนี้การส่งมอบระบบอี-ทิกเก็ตล็อตแรกล่าช้ากว่าสัญญาที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ด้านการตรวจรับล็อตที่ 2 อีก 700 คัน รวมเป็น 800 คัน จะดำเนินการในกลางเดือนธันวาคมนี้

สำหรับเครื่องชำระค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ (Cash box) ที่ติดตั้งพร้อมกับอี-ทิกเก็ตนั้น ได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้วประมาณ 200 คัน จากทั้งหมด 2,600 คัน ตอนนี้ได้และยังไม่ได้เริ่มทดสอบระบบ แต่เท่าที่ดูพบว่าไม่สามารถใช้งานได้จริงและอาจจะมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ขสมก.จึงอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะสามารถชะลอหรือยกเลิกสัญญาการติดตั้งแคชบ็อกได้หรือไม่ หากระบบมีปัญหาหรือเอกชนไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา เพื่อจำกัดไม่ให้ความเสียหายขยายวงมากขึ้น โดย ขสมก.ต้องพิจารณาว่าสัญญาติดตั้งอี-ทิกเก็ตและแคชบ็อกผูกพันกันอย่างไร และต้องการจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่สามารถใช้การได้เท่านั้น


ที่มา : มติชนออนไลน์