นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป นำเช็คเงินสดมายื่นถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อคืนเงินอุดหนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง หลังจากที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูปมีมติเลิกพรรค นายไพบูลย์ยังเปิดเผยว่าจะเตรียมเข้าไปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหลังจากมีการประกาศเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษา
สำหรับเงินที่นำมาคืนในวันนี้ จำนวน 882,909.67 บาท ถือเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และจะได้นำไปใช้ดำเนินการเพื่อกิจการของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป
หลังจากที่ กกต.ได้นำเรื่องของการสิ้นสภาพของพรรคฯ ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำส่งบัญชีงบการเงินและเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการเงินมาให้กับนายทะเบียนพรรคภายใน 30 วัน เพื่อที่ได้ดำเนินการขั้นตอนต่อไป โดยนายทะเบียนพรรคจะแจ้งต่อไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบและชำระบัญชีภายใน 180 วัน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95 และในกฎหมายมาตรา 95 วรรค 5 ระบุไว้ว่าในระหว่างที่รับบัญชีนั้น ให้หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่จะไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ในนามของพรรคการเมือง
นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยด้วยว่า หลังจากการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเสร็จสิ้น ก็จะดำเนินการสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ภายใน 60 วัน
พร้อมยืนยันว่า สถานะการเป็น ส.ส. ดำรงอยู่ตลอดเวลา เว้นเสียแต่เมื่อพรรคประชาชนปฏิรูปได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้สิ้นสภาพไปแล้วและยังไม่ไปดำเนินการสมัครเป็นสมาชิกพรรคไหนใน 60 วัน สมาชิกภาพของความเป็น ส.ส.จะสิ้นสุดลงนับ ตั้งแต่วันที่ครบ 60 วันเป็นต้นไป ซึ่งส่วนตัวแล้วก็จะไม่รอให้ถึงวันนั้นแต่รอให้มีการประกาศในราชกิจจาในการสิ้นสภาพพรรคก็จะดำเนินการ สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว
นายไพบูลย์ ยังมองว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ กกต.รายหนึ่ง ในกรณีที่นายไพบูลย์พ้นสภาพพรรคประชาชนปฏิรูปไปแล้วยังต้องชำระบัญชีให้เสร็จก่อน จึงจะดำเนินการสมัครสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้นั้น เป็นการให้ข้อมูลในข้อกฎหมายที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง จึงอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการ กกต. พิจารณาตรวจสอบการให้ความเห็นทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่ กกต. รายนี้ด้วย
ส่วนประเด็นที่จะมีผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการเลิกพรรคชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสิทธิของบุคคลนั้น ๆ แต่ยังไม่ทราบว่าผู้เขียนคำร้องจะเขียนอย่างไร และมองว่าการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญดูเป็นเรื่องง่าย แต่หากจะเขียนคำร้องที่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะเดียวกัน นายไพบูลย์มองว่า บุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ว่าการกระทำ ของคนที่มองว่าเรื่องนี้ ไม่สอดคล้อง กับเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคนายไพบูลย์ตั้งแต่ต้น ว่าคนที่มองและแสดงความคิดเห็นในเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่คนที่เลือกพรรคประชาชนปฏิรูป และไม่ใช่คนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ และมองว่าคนเรานี้อาจเป็นปรปักษ์ และเป็นเพียงการแอบอ้างเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่า บุคคลที่เลือกพรรคประชาชนปฏิรูป 4-5 หมื่นคน พอใจในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ประกาศสนับสนุนพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด
นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่าเตรียมยื่นฟ้องเอาผิดกับ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และ และนายเจษฎ์ โทณวณิก นักวิชาการที่เป็นอดีตที่ปรึกษากรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากให้ข้อมูลต่อสังคมในลักษณะที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และใส่ความทำให้นายไพบูลย์ถูกดูหมิ่นและเสียหายผ่านสื่อ โดยจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้หมิ่นประมาท ส่วนใครต้องการถูกตนเองฟ้อง ขอให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าว เข้ามาเพื่อจะได้พิจารณาฟ้องร้องเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :