ไม่พบผลการค้นหา
‘กองสลากพลัส’ ลุยฟ้อง ‘สันธนะ’ ข้อหาหมิ่นประมาท เรียก 100 ล้านบาท ลั่น ไม่สบายใจประเทศไทยมีคนแบบนี้

ที่กองสลากพลัส สำนักงานใหญ่ ‘พันธ์วัชช นาควิสุทธิ์’ ผู้บริหารกองสลากพลัส แถลงข่าวกรณีดำเนินการยื่นฟ้อง ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ อดีตตำรวจสันติบาล ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมเปิดเผยถึงกรณีการนำจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มแทนลูกค้าจำนวน 190 ล้านบาท

พันธ์ธวัช กล่าวว่า ตอนนี้กองสลากพลัสชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ย้อนหลังให้กับลูกค้าทั้งหมดแล้ว เป็นจำนวนเงินราว 190 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าบริการนอกเหนือจากราคาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 80 บาท

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ สันธนะ เคยจะเข้ามาตรวจสอบภาษีของบริษัทและได้กล่าวหาว่ามีการเลี่ยงภาษีนั้น ขอยืนยันว่าบริษัทตนไม่มีการเลี่ยงภาษีอย่างแน่นอน พร้อมแสดงหลักฐานเอกสารการเสียภาษี ปี 2564 จำนวน 2.4 ล้านบาท และปี 2565 จำนวน 9.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหมดแล้วทั้งภาษีนิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้มอบอำนาจให้ทนายความไปศาลอาญา ทำการยื่นฟ้อง สันธนะ ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังถูกกล่าวหาว่าตนค้ายาและทำหวย โดยได้เรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท 

ส่วนคดีที่ตนเคยแจ้งความ สันธนะ ไว้ ฐานบุกรุกสำนักงานนั้น ตอนนี้สำนวนคดียังค้างอยู่ที่ สน.ทองหล่อ อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย 

“วันเกิดเหตุบุกรุกสำนักงาน สันธนะ อ้างว่าจะมาตรวจสอบตนนั้น ขอยืนยันว่า สันธนะ ไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบใคร เพราะเป็นคนธรรมดาเหมือนตน การจะเข้าไปตรวจสอบบุคคลอื่น จะต้องเป็นเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และต้องมีหมายศาลชัดเจน” พันธวัชช์ กล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียก สันธนะ แล้วถึง 2 ครั้ง แต่ สันธนะ ไม่ไปให้ปากคำ แต่เพิ่งจะเดินทางไปให้ปากคำครั้งแรกก็วันนี้ ตนมองว่าเป็นการพยายามยืดเวลาไปเรื่อยๆ 


แฉสันธนะบุกข่มขู่หลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สันธนะ เคยมาหาตนถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก มาประมาณเดือน ม.ค. ปี 64 ซึ่งขณะนั้นตนยังไม่รู้จักว่า สันธนะ คือใคร จึงมีการนั่งพูดคุยด้วย แต่ลักษณะการคุยของ สันธนะ ทำให้ตนรู้สึกเหมือนโดนข่มขู่ เพราะมีการกล่าวย้ำคำพูดว่า “ไม่ได้มารีดไถ”

ครั้งที่สอง วันที่ 14 มิ.ย. 64 ได้มีการนำคลิปวิดีโอมาให้ตนดู แต่ตนไม่สามารถเปิดคลิปดังกล่าวให้ดูได้ตอนนี้ ซึ่งลักษณะการมาของ สันธนะ ยังทำให้ตนรู้สึกว่ามาข่มขู่เช่นเดิม โดยหลังจากนั้น วันที่ 21 มิ.ย. ตนพบว่ามีชายคนหนึ่ง ขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ มาหาตนถึงหน้าบ้านด้วย

ครั้งที่ 3 วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นครั้งที่ตนเข้าแจ้งความ สันธนะ ฐานบุกรุก เพราะมีการส่งผู้ติดตามจำนวน 2 คน มาคุยกับ รปภ.ด้านล่างอาคารสำนักงาน และขึ้นลิฟต์บุกเข้ามาถึงชั้นสำนักงานกองสลาก ซึ่งตนเก็บลอตเตอรี่ของลูกค้าไว้ 400 ล้านใบ และมีเงินสดอยู่กว่า 60 ล้านบาท ทำให้ตนไม่สบายใจ เพราะ สันธนะ กับพวก เข้ามาโดยไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าหรือได้รับอนุญาต จึงมีการนำคลิปจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ และโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเอง

“ก่อนหน้านี้ สันธนะ นำภาพออกมาโชว์ อ้างว่าเข้ามาคุยธุรกิจกับตน ซึ่งภาพนั้น หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าเป็นภาพในลักษณะของการแอบถ่ายภายในห้องประชุม ขอยืนยันว่าตนไม่ยินดีคุยธุรกิจกับบุคคลเช่นนี้ และในกรณีนี้อาจจะดำเนินการฟ้องข้อหาผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ต่อไป” พันธวัชช์ ระบุ

ทั้งนี้ สันธนะ ได้แจ้งความกลับ ข้อหานำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ประเด็นนี้ตนได้เข้าพบตำรวจ และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไปแล้ว เพราะเป็นคลิปหลักฐานจริง มั่นใจใน 1 เดือนก็รู้ผลว่าตนจะถูกสั่งฟ้องหรือไม่

การที่ สันธนะ พูดจาทำนองว่ารู้ที่อยู่ของตนและครอบครัว หากพบว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของตัวเองออกไปเปิดเผย ก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเช่นกันว่าปล่อยให้ข้อมูลหลุดไปถึงมือได้อย่างไร และหลังจากนี้ หากสันธนะ มีหลักฐานใดตามที่กล่าวหา ยืนยันว่าไม่กลัว และขอท้าให้เปิดเผยออกมาเลย ส่วนเรื่องความปลอดภัย ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร เพราะตัวเองไม่สบายใจที่ประเทศต้องมีคนแบบสันธนะ