ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' รอง ปธ.ยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย แนะ 8 ข้อการบริหารภาครัฐภายใต้โลกที่ผันผวน จวก 'ประยุทธ์' ก่อรัฐประหาร ทำลายความหวัง และอนาคตคนรุ่นใหม่ ด้าน 'จุฑาพร' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เผย 'คนรุ่นใหม่' เรียนจบไม่มีงานทำ ต้องการผู้นำมีวิสัยทัศน์ ตามโลกทัน พร้อมส่งเสริมคนไทยสู่ระดับโลก

วันที่ 11 ต.ค. 2565 ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal” ว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนและโอกาสเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจโลกจากเข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่ได้เตือนไว้แล้ว

ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำมาก ตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิดจนถึงหลังวิกฤต เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ไปไหน ตลอด 3 ปีกว่าหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวเลย หนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง การลงทุนหดหาย ประเทศไทยกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย ขนาดสื่อยังตั้งฉายาว่าเป็น “ชำรุดยุทธ์โทรม” ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่อย่างมาก เพราะนักศึกษาและคนรุ่นใหม่จบการศึกษาแล้วหางานทำไม่ได้ เป็นจำนวนหลายแสนคนแล้ว อีกทั้งพวกที่มีงานทำก็ไม่ทราบเลยว่าอนาคตหน้าที่การงานของตนจะเป็นอย่างไร รายได้จะเพิ่มไหม ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ของประเทศอื่นในอาเซียนเช่น มาเลเซีย เวียดนาม หรือ อินโดนิเซีย ที่เห็นอนาคตที่สดใสกว่า หรืออาจเรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำลายความหวัง และ อนาคตของคนรุ่นใหม่จนหมดสิ้นแล้ว 

นอกจากนี้ เพราะคนรุ่นใหม่ ยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่ตกยุคตามโลกไม่ทันแล้ว แม้กระทั่งล่าสุดยังพูดถึงวิทยุทรานซิสเตอร์ที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว และหากย้อนหลังไปดูจะพบว่ามีหลายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความเห็นเชยๆ เฉิ่มๆ เหมือนอยู่คนละโลกกับคนรุ่นใหม่ เช่น คนไทยไม่รู้จักใช้กู้เกิ้ล คนรวยใช้ทางด่วนคนจนใช้ถนนข้างล่างคือความเท่าเทียม น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา น้ำเค็มให้เอาไปต้ม ปลูกหมามุ่ยแทนข้าว เป็นต้น ซึ่งทำให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่สิ้นหวังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง เพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์ 

ดังนั้น เมื่อพูดถึง ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal ก็ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานทั้งหมดตรงข้ามกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยอยากขอเสนอ 8 ข้อ ดังนี้ 

1. การเร่งฟื้น GDP ให้ขยายมากขึ้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือน โดย ต้องใช้เงินงบประมาณให้เกิดประโยชน์สุงสุด ต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อให้ นักลงทุนทั้งจากต่างประเทศ และในประเทศไทย การเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งต้องทำหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน 

2. การเร่งสร้างธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะธุรกิจทางเทคโนโลยี ที่สร้างรายได้มาก จ้างงานราคาสูง โดยพัฒนาประเทศไทยเป็นฮับของคนฉลาดคนเก่งของทั่วโลก 

3. การปรับโครงสร้างพลังงาน ทั้งโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้ง น้ำม้น ก๊าซ ไฟฟ้า และโครงสร้างการใช้พลังงาน ที่ต้องสอดคล้องกับอนาคตของโลก รวมถึงการจัดหาพลังงานในระยะกลางและระยะยาว

4. การปรับเปลี่ยน Digital transformation ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรองรับอนาคต โดยเริ่มจากภาครัฐเพื่อลดขนาดรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพและปราบคอรัปชั่น

5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิตอล และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย เวียงจันทร์ เขื่อมต่อไปประเทศจีน โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา ฯลฯ 

6. จำกัดและทำลายการผูกขาดในธุรกิจทุกประเภท ยิ่งผูกขาดมากโอกาสของคนรุ่นใหม่จะก้าวหน้าขึ้นไปก็เป็นไปได้ยาก 

7. พัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศในทุกด้าน หลังจากที่ความสามารถแข่งขันของไทยตกลงมามาก 

8. ให้เสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โดยต้องมีสิทธิในการแสดงคิดเห็นและการแสดงออก 

นี่เป็น 8 ข้อที่สำคัญ ในแนวทางที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่อยากให้ประเทศพัฒนาต่อไป และได้เตือนไปหลายครั้งแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่มีความสามารถที่จะทำได้ หรืออาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้อยากให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริงและเคยพิสูจน์แล้วว่าทำได้ เพื่อนำพาประเทศให้หลุดพ้นปัญหาความเสื่อมถอยทุกด้านในปัจจุบัน


'จุฑาพร' เผย 'คนรุ่นใหม่' ต้องการผู้นำมีวิสัยทัศน์

ด้าน จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยกำลังลำบาก จากภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง รายจ่ายสูง แม้รายได้จะปรับขึ้น แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับรายจ่ายในแต่ละวัน ซ้ำร้ายยังมาเจอค่าไฟฟ้า กับค่าน้ำมันที่แพงขึ้นอีก ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก แต่คุณภาพชีวิตกลับไม่ได้ดีขึ้นตาม 

จุฑาพร กล่าวอีกว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อหาเงินประทังชีวิตในแต่ละวัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยที่สุด รวมถึงกลุ่มผู้รับจ้างทำงานอิสระ ที่มีแนวโน้มต้องกู้นอกระบบสูง เพราะอาจกู้ในระบบจนเต็มวงเงินแล้ว หรือ การกู้จากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารทำได้ยาก เพราะขั้นตอนเยอะ ใช้เวลานาน คนรุ่นใหม่ แทนที่จะมีความหวัง กลับแทบมองไม่เห็นอนาคต บัณฑิตจบใหม่ตกงานจำนวนหลายแสนคนต่อปี และมีแนวโน้มตกงานเพิ่มขึ้น และนานขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้ จำนวนไม่น้อย อยากย้ายประเทศ 

รัฐบาลอ้างว่าจบมาไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน แต่แท้จริงแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสร้างงาน สร้างโอกาสให้กับประชาชน ให้มีรายได้มากขึ้น มีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้นำต้องตามทันโลก และมีวิสัยทัศน์คิดล่วงหน้าได้ โลกยุคใหม่หลังวิกฤตโควิด-19 ทำให้แรงงานต้องปรับตัวตามให้ทัน เพราะหลายงานที่มนุษย์เคยทำเริ่มถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ แต่ก็จะมีงานเพิ่มขึ้นอีกมากที่ต้องอาศัยทักษะการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่มีความจำเป็นในการทำงาน เช่น ทักษะด้านดิจิตัล และ ทักษะด้านการวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ 

"หากไทยต้องการก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับประเทศอื่นในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้ว นอกจากแรงงานจะต้องขวนขวายหาความรู้ และพัฒนาศักยภาพตนเองอยู่เสมอ เรายังต้องการผู้นำที่ตามทันโลก ไม่ใช่มีความคิดล้าหลัง และที่สำคัญต้องมีวิสัยทัศน์คิดล่วงหน้าได้ เพื่อพร้อมผลักดันส่งเสริมให้คนไทยเติบโตไกลถึงระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิ" จุฑาพร ระบุ