เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์ความตึงเครียด ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ว่า ได้มีการออกจดหมายเตือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเช้านานาประเทศก็มีความเคลื่อนไหว ฉะนั้นต้องมีการเฝ้าระวัง โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มีการเตรียมความพร้อม หากมีการยกระดับความรุนแรงขึ้น ก็ต้องดูแลประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีการรายงานถึงความกังวลของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานมาแต่อย่างใด และยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ก็มีกรณีข้อพิพาทสงครามระหว่างกลุ่มฮามาส และอิสราเอล ซึ่งขณะนั้นก็ได้มีการส่งเครื่องไปรับแรงงานไทยกลับประเทศ กว่า 8,000 คน พร้อมยอมรับว่าเป็นปัญหาพื้นฐานที่เศรษฐกิจไทย ยังไม่แข็งแกร่ง และมีแรงงานบางส่วนที่เดินทางกลับไปอีก แต่แน่นอนว่ารัฐบาลจะต้องดูแล พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อมเตรียมแผนรองรับอพยพคนไทยออกจากพื้นที่
ด้านชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใยถึงประชาชน โดยได้สั่งการและประกาศเตือนประชาชน ดังนี้
ตามที่มีเหตุความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศมีความเป็นห่วงพี่น้องคนไทยในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง จึงได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ในภูมิภาคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้จัดทำประกาศแจ้งเตือนคนไทยให้เตรียมความพร้อม รวมถึงแนวปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินด้วยแล้ว
จึงขอให้พี่น้องคนไทยตื่นตัว และติดตามการประกาศและการแจ้งเตือนต่าง ๆ ของสถานทูตไทยในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าว หากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในกรณีฉุกเฉินพี่น้องคนไทยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่าง ๆ ทุกแห่ง