รัดเกล้า อินทวงศ์ สวุรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าจากความร่วมมืออย่างบูรณาการของ 8 หน่วยงาน จาก 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ การบริการประชาชนในเรื่องของการขออนุญาตส่งออกสินค้า การตรวจสอบสินค้าส่งออก และการตรวจปล่อยสินค้า สะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งการนำเข้าและส่งออก รวมถึงการค้าตามแนวชายแดนจะต้องไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะรัฐบาลได้ตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว หรือที่เรียกกันว่า One Stop Service เริ่มต้นก่อนที่ จังหวัดหนองคาย ตามแผนจะได้เห็นกันในไตรมาส 3 ปี 2567 โดย ณ ตอนนี้ปักเดดไลน์ไว้ที่ วันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งศูนย์ฯ ดังกล่าวนั้นมีแนวทางการพัฒนา 3 ประเด็น ได้แก่
1. การขออนุญาตส่งออกสินค้า ให้มีการขออนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่องทางเดียว (Single Submission) เช่น มีการจัดทำ Single form ร่วมกันเพื่อลดภาระผู้ประกอบการ, มีการเชื่อมโยงข้อมูลการอนุญาตของแต่ละหน่วยงาน, และมี checklist หรือ smart quiz เพื่อให้ประกอบการทราบว่าจะต้องติดต่อหน่วยงานไหนอย่างไร
2. การตรวจสอบสินค้าส่งออก ให้มีการจัดทำมาตรฐาน Green Line ของทุกหน่วยงานให้มีความสอดคล้องกัน, ให้ทุกหน่วยงานมอบอำนาจให้กรมศุลกากรเป็นผู้ตรวจสอบแทน เพื่อลดภาระในการตรวจสอบ
3. การตรวจปล่อยสินค้า ให้มีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์และใช้ CCTV มาใช้ในการตรวจสอบทางกายภาพของพาหนะขนส่ง ทะเบียนรถ และอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจปล่อยสินค้า
“ที่ด่าน จ.หนองคาย ถือเป็นจุดเริ่มต้น โดยเฉพาะสินค้าที่ส่งออกไปลาว และลาว เชื่อมไปยังจีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ปรับลดจำนวนพิกัดรายการสินค้าควบคุมลงให้เหลือเท่าที่จำเป็น อีกด้วย เพื่อที่จะทำให้จำนวนการส่งออกและนำเข้าสินค้าไทยมีเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับประชาชนได้มากขึ้นอีกด้วย” รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าว