เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 14 เม.ย.ที่ สน.ลุมพินี ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พา เอ (นามสมมติ) อดีตทีมงานพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อที่เคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ กระทำอนาจาร แจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีเพิ่มเติม
ษิทรา กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องก็มีเหยื่ออีก 5 คน ติดต่อเข้ามาว่าถูกลวนลามข่มขืน กรณีนี้เหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเหยื่อทำงานในพรรคเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าขณะเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเมาแต่อย่างใด โดยวันนี้ได้ประสานให้มาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี พร้อมนำหลักฐานเป็นรูปภาพขณะเกิดเหตุ และเพื่อนของเหยื่อมาให้ปากคำ นอกจากนี้ ยังมีเหยื่ออีกรายที่เคยเป็นนางแบบ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักที่เตรียมจะมาแจ้งความด้วย ซึ่งตนมีภาพที่เตรียมจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
ษิทรา กล่าวว่า เหตุที่เหยื่อไม่กล้าแจ้งความเพราะหลายคนอยู่กับผู้ก่อเหตุในลักษณะสองต่อสอง เกรงจะไม่มีหลักฐาน แต่ตนจะให้รวบรวมสำนวนเพื่อให้เหยื่อเป็นพยานซึ่งกันและกัน ซึ่งอายุความของคดีนี้มีระยะเวลา 15 ปี อย่างไรก็ตาม ตนทราบมาว่า เหตุที่ผู้ก่อเหตุ นัดพบเหยื่อหลายรายที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะคอนโดผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้กัน
เอ กล่าวว่า เมื่อปี 2563 มีช่วงหนึ่งที่กำลังจะเลิกงานเลี้ยงที่ จ.เพชรบุรี ก็นำของไปเก็บท้ายรถ คนก่อเหตุเข้ามาข้างหลัง บีบหน้าอกอย่างแรง จับก้นและล้วงของสงวน ตนปัดป้องและบอกให้หยุด เขาก็หยุดเพราะมีคนเดินเข้ามา ตนตกใจมาก และบอกว่าเจ็บ เขาก็ขึ้นรถแล้วออกไปเลย ยืนยันว่าเรารู้จักกันในฐานะพี่น้อง เคยคุยกันปกติ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยหลังเกิดเหตุ เขาก็ไลน์มาและโทรศัพท์มาชักชวนมาคอนโดที่กรุงเทพฯ พอตนปฏิเสธไปก็ไม่ได้ชวนอีก
เอ กล่าวว่า การที่เขาแถลงข่าวในวันนี้นั้น มองว่าเป็นการโกหก ซึ่งนับแต่เกิดเหตุ ก็ไม่เคยปรึกษาคนในพรรคการเมืองเลย เพราะเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ อาจทำอะไรไม่ได้ และเมื่อก่อนตนเป็นสมาชิกพรรคแต่ได้ลาออกมาแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของพรรคเชื่อพวกตนบ้าง ต้องคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 14 เม.ย.ที่ สน.ลุมพินี นางซี (นามสมมุติ) ภรรยาของ ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท แจ้งความกับ พ.ต.ท.พงศักดิ์ การัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี หลังถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ลวงไปข่มขืนกระทำชำเรา
นางซี กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อปี 2564 โดยตนได้นัดคุยเรื่องงานกับนักการเมืองคนนี้ตอนกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เขาอ้างเป็นเจ้าของ และบอกว่ามีออฟฟิศอยู่ใกล้ๆ กันกับร้าน แต่พอไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 3 เมื่อไปถึงเขาก็ล็อกประตูห้องแล้วข่มขืนเลย ซึ่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้น ตนเพิ่งเลิกกับแฟนที่แพลนจะแต่งงานและเสียน้องชายไป ทำให้อยากเริ่มอะไรใหม่ๆ เขาก็เข้ามาขายฝันหลอกล่อเรื่องธุรกิจ บอกว่าให้ลองมาคุยกันเพราะเขาบอกว่าตนมีศักยภาพ เราก็ตกหลุมไป เพราะงานนั้นเป็นการรวมตัวของนักธุรกิจ
นางซี กล่าวอีกว่า การเปิดเผยตัวตนในวันนี้ ก็เพื่อให้เหยื่อรายอื่นๆ กล้าที่จะออกมา เพราะตอนแรกตนรู้สึกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่พอทราบว่ามีผู้เสียหายอีกเยอะ เลยต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ขู่ แต่พูดว่าเป็นใครทำอะไรในเชิงข่ม และใช้กำลังบังคับตน ซึ่งหากเขาเป็นคนปกติก็คงแจ้งความไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
ต่อมาเวลา 19.20 น. คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหาย วัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้มูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยาน โดยเล่าเหตุการณ์วันดังกล่าวผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องจากในวันที่ 12 เม.ย. พนักงานโรงแรมออกมาเรียกรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถแท็กซี่ ตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟายร้องไห้ไม่หยุด ก่อนที่จะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรม เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนที่จะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ
อย่างไรก็ตามการออกมาเป็นพยานของตน ลึกๆ ก็รู้สึกกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัย แต่เนื่องจากสงสารผู้เสียหาย และตนเห็นว่าเป็นเพศแม่ จนตัดสินใจออกมาให้ปากคำ