ในช่วงเวลาของสัปดาห์ที่หนักหน่วง กับเหตุการณ์ก่อนวันครบรอบการรุกรานยูเครนของรัสเซียในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (24 ก.พ.) ปูตินได้ออกมาอ้างว่าชาติตะวันตกได้รื้อฟื้นนาซีเยอรมนีกลับมาอีกครั้ง และเปลี่ยนให้ยูเครนให้กลายเป็นระบอบการปกครองแบบนีโอนาซีที่ "ต่อต้านรัสเซีย"
หลังจากคำกล่าวของปูตินจบลง ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ไบเดนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในโปแลนด์ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เผด็จการเข้าใจเพียงคำเดียว "ไม่ ไม่ ไม่!" ทั้งนี้ ไบเดนระบุว่า “ปูตินคิดว่าโลกจะพลิกหมุนไป เขาคิดผิด” พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าที่เคย ในขณะที่ยูเครนยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง หยิ่งทะนง สูงส่ง และเป็นอิสระ และการสนับสนุนของชาติตะวันตกแก่ยูเครนจะไม่ล้มเหลว
การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของปูตินแทบจะไม่มีการแตะประเด็นความคืบหน้าของกองทัพรัสเซียในยูเครน และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสงครามจะจบลงอย่างไร โดยรายงานข่าวหลักที่เกี่ยวข้องกับการทหารของรัสเซีย มีการเปิดเผยออกมาจากผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง Wagner อย่าง เยฟเกนี ปริโกชิน ซึ่งเขากล่าวหาเสนาธิการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า พยายามทำลายกลุ่มของเขาและทำให้พวกเขาขาดแคลนอาวุธ
ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ประกาศว่า เขากำลังระงับสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ New Start ที่ลงนามกับสหรัฐฯ ในปี 2553 โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมประเด็นการควบคุมจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ผู้นำชาติสมาชิก NATO เรียกร้องให้ปูตินพิจารณาประเด็นดังกล่าวใหม่
นอกจากนี้ ปูตินยังประกาศอีกว่าเขาได้วางระบบภาคพื้นดินใหม่สำหรับการใช้งานเพื่อการต่อสู้ อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีรัสเซียเคยขู่เมื่อปีที่แล้วว่า รัสเซียจะใช้ "ทุกวิถีทางที่เราจัดการได้" เพื่อปกป้องรัสเซียและดินแดนที่ถูกยึดได้ในยูเครน
“พวกเขาเป็นคนเริ่มสงคราม เราใช้กำลังเพื่อหยุดมัน” ประธานาธิบดีปูตินยืนยันในคำปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาทั้ง 2 สภาของรัสเซีย ทั้งนี้ ไม่มีกองกำลังของชาติตะวันตกใดๆ เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ของยูเครน แต่ทางการรัสเซียได้ระบุว่า สหรัฐฯ ควรถอน “กองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ-NATO” ออกไปจากยูเครน
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ปูตินกล่าวโทษชาติตะวันตกและ NATO นับครั้งไม่ถ้วน และเขาได้ตอบโต้คำกล่าวอ้างของเขาจากรายการโทรทัศน์ในวันที่เกิดการรุกรานเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีรัสเซียเตือนชาวรัสเซียให้นึกถึงสงครามในอิรักและการทิ้งระเบิดในกรุงเบลเกรด แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงบทบาทอันยาวนานและทำลายล้างของรัสเซียในสงครามกลางเมืองซีเรีย รวมถึงการรุกรานจอร์เจียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน หรือการกอบโกยผลประโยชน์จากการผนวกไครเมียของยูเครนมาเป็นของรัสเซีย
ในทางตรงกันข้าม โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวในการแถลงผ่านวิดีโอช่วงกลางคืนของเมื่อวานนี้ว่า การโจมตีของรัสเซีย "ไม่มีและไม่สามารถมีวัตถุประสงค์ทางทหารใดๆ" และมีเจตนาที่จะหว่าน "ความหวาดกลัว" แทน เซเลนสกีกล่าวเสริมอีกว่า กองกำลังยูเครนยังคงรักษาตำแหน่งของตัวเองในแนวหน้าในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดการสู้รบอย่างรุนแรงในปัจจุบัน แม้จะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักก็ตาม
ที่มา: