วันที่ 1 มี.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการตอบรับตำแหน่งว่า ส่วนตัวมีความพร้อม เพราะก่อนหน้านี้ได้สมัครเป็นสมาชิกของพรรค และได้มีส่วนร่วมให้คำปรึกษา คุยกับสมาชิกและผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนมาตลอด วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี และถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น
ส่วนการช่วยพรรคเพื่อไทยด้ายการหาเสียงเลือกตั้งหลังจากนี้ ก็คงต้องทำตามขั้นตอน แต่ก่อนหน้านี้ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ทำหน้าที่หาเสียงเลือกตั้งมาด้วยดีตลอด แต่เพราะอายุครรภ์เริ่มมากขึ้น คนท้อง 7 เดือนมีขีดจำกัดในการลงพื้นที่ ตนก็พร้อมช่วยในลักษณะที่ถนัด
ส่วนจะเดินไปสู่ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่นั้น เศรษฐา คงยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องไปทีละขั้นทีละตอน เพราะยังมีขั้นตอนที่จะต้องทำงานอีกหลายเรื่อง และต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย อีกทั้งยังมีอีกหลายคนที่เหมาะสม รวมถึงอยู่กับพรรคมานาน
"จะใช้คำว่ามานำทัพพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ต้องเป็นขั้นเป็นตอน ผมมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มส่วนที่คิดว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้ และจะช่วยหาเสียง ซึ่งที่ผ่านมาผมมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ และอยู่แต่ในเมืองหลวง แต่การลงพื้นที่ต่างจังหวัดไปฟังความคิดเห็นชาวบ้านก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นถือว่าการลงพื้นที่เป็นหนึ่งในกิจกรรมทำต้องทำ แต่จะต้องมีความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่ และทำในสิ่งที่ถนัด หลายครั้งจำเป็นต้องลงไปฟังความคิดเห็นของผู้นำท้องถิ่นด้วย ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างไร"
ส่วนจะเริ่มลงพื้นที่ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงวันเสาร์นี้ (4 มี.ค.) ที่ จ.นครราชสีมาเลยหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่าต้องคุยผู้ใหญ่ในพรรคก่อนว่าจะให้ทำอะไรบ้าง แต่ส่วนตัวพร้อมถ้าหากผู้ใหญ่ในพรรคให้ลงพื้นที่เลย
เศรษฐา ยังมองว่า ไม่ถือว่ากระชั้นชิดสำหรับการเปิดตัวช่วงนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยทำงานเข้าถึงประชาชนได้ มานโยบายที่เป็นภาพใหญ่ที่ดี เคยทำงานและมีบทพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้ ฉะนั้นเรื่องระยะเวลาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเวลากระชั้นชิดมาก็ต้องทำงานมากขึ้น ส่วนจะ 60 วัน หรือ 75 วัน ไม่ใช่ประเด็นเพราะเรามีทีมงานที่พร้อมทำอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าถ้าพรรคเพื่อไทยและคณะกรรมการบริหารพรรคเสนอโอกาส ให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคให้ พร้อมหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อน ต้องให้เกียรติ จะไปพูดก่อนคนที่มีความรู้ความสามารถที่อยู่ในพรรคก็ไม่ดี
"ผมไม่อยากจะไปกดดัน ผมเป็นเหมือนน้องใหม่ พรรคเพื่อไทยมีคนคุณภาพที่เพียบพร้อมหลายคน แต่เรื่องพร้อมหรือไม่พร้อม คงไม่ใช่เรื่องผมจะต้องมาพูด เป็นเรื่องของระบอบพรรคการเมืองที่ต้องเข้าใจ เพราะเราไม่ใช่คนตัดสิน แต่จะพยายามทำให้เต็มที่และดีที่สุด"
และเมื่อเป็นกระแสตอบรับจากสังคม คนบางส่วนเห็นด้วยอยากให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนก็จะพยามทำตัวไม่ให้คิดมาก คิดวันต่อวัน และวันนี้หน้าที่ของตนคือมาให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำในมุมมองนักธุรกิจ ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี ซึ่งหวังว่าคำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะของตนจะเป็นประโยชน์ของพรรคการเมือง ส่วนขั้นตอนต่อไปขอเป็นเรื่องอนาคต และอีกไม่นานก็จะเลือกตั้งคงจะมีขั้นตอนต่อไป
เศรษฐา ยังตอบคำถามกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ พาดพิงถึงว่าประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ โดยระบุว่า “พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ ท่านพูดอะไรผมมีวัยวุฒิน้อยกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องฟัง คงไม่มีความคิดเห็นไปมากกว่านี้”
เศรษฐา ยังได้ทิ้งท้ายว่า ต่อจากนี้จะจัดสรรเวลาลุยงานการเมืองกับธุรกิจไปพร้อมกัน เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็แบ่งสรรปันส่วนได้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องครอบครัว สังคม ธุรกิจ หรือช่วยเหลือบ้านเมือง ทั้งเรื่องให้คำแนะนำ ซึ่งจะทำให้ดีที่สุด