“หากเราสับสวิทช์ทันทีทันใด มันจะเกิดการขาดพลังงานสำรอง ถึงแม้ว่าพลังงานจะมาหยุดที่เยอรมนีก็ตาม” โรเบิร์ต ฮาเบ็ก รัฐมนตรีเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนีระบุต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ เยอรมนีเป็นชาติอันดับแรกของยุโรปที่นำเข้าพลังงานโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติมาจากรัสเซีย
ฮาเบ็กจากพรรคกรีนของเยอรมนีได้ออกมาคาดการณ์ว่า หากเยอรมนีทำการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียอย่างทันทีทันใด มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิด “ภาวะว่างงานครั้งใหญ่ ความยากจน ผู้คนไม่สามารถให้ความอบอุ่นในบ้านได้ ผู้คนจะไม่มีน้ำมันเติม”
จากรายงานระบุว่า เยอรมนีพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียจำนวนมากที่สุดในสหภาพยุโรป โดยคิดเป็นก๊าซธรรมชาติ 55% ถ่านหิน 25% และน้ำมันใส 34% ที่เยอรมนีนำเข้ามาจากรัสเซีย เพื่อช่วยหล่อเลี่ยงชีวิตของประชาชนในประเทศจำนวนนับร้อยล้านคนที่ต้องดำเนินชีวิตประจำวันจากพลังงานดังกล่าว ในขณะที่พลังงานเดียวกันนี้เป็นแหล่งทุนของรัสเซียในการทำสงครามรุกรานยูเครน
ฮาเบ็กย้ำว่า รัฐบาลเยอรมนีได้พิจารณายุติการนำเข้าถ่านหินจากทางรัสเซียในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ให้ได้ และรัฐบาลเยอรมนีกำลังลดการพึ่งพาน้ำมันที่มาจากทางรัสเซียให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ฮาเบ็กกล่าวว่าการคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซียในทันทีจะส่งผลให้เยอรมนีพบกับวิกฤตครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“แต่เราทำไม่ได้ในทันที นั่นเป็นเรื่องที่ขมขื่น และมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องทางศีลธรรมมากนักที่เราจะมาสารภาพผิดด้วย แต่เรายังทำมันไม่ได้” ฮาเบ็กระบุว่าเยอรมนีไม่สามารถคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียได้ในทันที ทั้งนี้ ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปต่างยอมรับว่า มาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานต่อรัสเซียนั้นยังทำได้ยาก เนื่องจากการที่ยุโรปต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานอย่างมากจากรัสเซีย
ชาติเดียวที่ประกาศการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียแล้วคือสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศชัดเจนว่า สมาชิกรัฐสภาของทั้งสองพรรคยินดีจะลงมติสนับสนุนการประกาศการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพียงแค่ 3% เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตัดการเข้าถึงทรัพย์สินของผู้นำรัสเซียและคนรอบวงอำนาจ การตัดรัสเซียออกจากระบบสวิฟท์ การระงับท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 จากรัสเซีย รวมถึงการส่งอาวุธช่วยเหลือไปยังยูเครน อย่างไรก็ดี เมื่อมาถึงมาตรการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย เยอรมนีกลับต้องคิดหนัก โดยโชลซ์ระบุว่า พลังงานที่นำเข้ามาจากรัสเซีย ไม่ต่างอะไรไปจาก “แก่นสาร” ของชีวิตในยุโรป
ที่มา: