นิวซีแลนด์ได้ทำการล็อกดาวน์ 7 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.ก่อนจะทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค. และได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นอีกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมต่ำหว่า 1,500 ราย และมีผู้เสียชีวิต 21 ราย โดยระหว่างดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ มีประชาชนจำนวนมากที่ได้ทดลองทำงานจากบ้านเป็นครั้งแรก
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยโอทาโกที่สำรวจความคิดเห็นออนไลน์ชาวนิวซีแลนด์กว่า 2,500 คน ในช่วงวันที่ 6-25 พ.ค. พบว่าร้อยละ 73 บอกว่าทำงานได้ “มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือมากกว่า” เมื่อทำงานจากบ้าน และร้อยละ 89 อยากให้การทำงานจากที่บ้านดำเนินต่อไปหลังจบมาตรการล็อกดาวน์ โดยอย่างน้อยก็ทำงานจากบ้านเป็นบางช่วงเวลา
แม้ว่าร้อยละ 38 ของผู้ตอบแบบสอบถามจะไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานจากบ้านมาก่อนหน้านี้ แต่ร้อยละ 66 ก็บอกว่า เป็นเรื่องง่ายหรือค่อนข้างง่ายที่จะปรับตัว โดยร้อยละ 82 บอกว่าพวกเขารู้สึกว่ามีทรัพยากรที่เหมาะสมในการทำงานของตัวเอง แม้ว่ามีเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่บอกว่า ทรัพยากรทำงานทั้งหมดนั้นนายจ้างเป็นผู้จัดหาให้ โดยชาวนิวซีแลนด์จำนวนมากบอกว่า ชื่นชอบความยืดหยุ่นของการทำงานจากบ้าน ทั้งยังช่วยเรื่องประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หลายคนรู้สึกกังวลต่อการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศตามรูปแบบเดิม ด้วยเหตุผลเรื่องการเดินทางที่ใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง ความอึกทึก และรูปแบบสำนักงานที่เป็นออฟฟิศแบบเปิดโล่ง
อย่างไรก็ตาม หลายคนพบว่าการทำงานจากบ้านมีความท้าทาย ทำให้ยากขึ้นที่จะหยุดการทำงาน และรู้สึกเหนื่อยล้ากับการต้องประชุมออนไลน์บ่อยยิ่งกว่าการประชุมแบบเจอหน้ากันในออฟฟิศ นอกจากนี้ก็ยังพบว่าการประสานงานและสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานจากที่บ้านก็ยากขึ้นด้วยเช่นกัน และพนักงานที่มีลูกก็ต้องพยายามจัดสรรเวลาเพื่อการดูแลและสอนหนังสือลูกๆ ที่บ้าน
'พอลลา โอเคน' ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมองค์กรและการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของคณะการจัดการ มหาวิทยาลัยโอทาโกบอกว่า หลังการล็อกดาวน์ถือเป็นโอกาสสำคัญในการทบทวนอีกครั้งถึงความคาดหวังเกี่ยวกับเรื่องงานตามแบบที่เคยชินหรือที่เคยปฏิบัติกันมา ทั้งนายจ้างและรัฐบาลมีบทบาทในเรื่องการให้ความรู้พนักงานเรื่องการทำงานจากบ้านในอนาคต เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของพวกเขาและจะทำอย่างไรในการขีดเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานกับบ้าน เนื่องจากความเหนื่อยล้าเป็นประเด็นที่ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากพูดถึง พร้อมยังเรียกร้องให้นายจ้างรับฟังความเห็นของลูกจ้างและนำไปทบทวนว่าจะสามารถควบคุมเรื่องความยืดหยุ่นอย่างไรบ้างที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งบุคคลและองค์กร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายกรัฐมนตรี 'จาซินดา อาร์เดิร์น' ได้กล่าวว่าการล็อกดาวน์ได้แสดงให้ชาวนิวซีแลนด์และธุรกิจจำนวนมากเห็นว่า การจัดการทำงานที่ยืดหยุ่นสามารถทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายได้ และเรียกร้องให้ชาวนิวซีแลนด์พิจารณาทางเลือกที่หลากหลายในการกลับไปทำงาน ที่รวมถึงความเป็นไปได้ในการทำงานสัปดาห์และ 4 วัน ซึ่งท้ายที่สุดควรอยู่ที่การคุยกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
อ้างอิง The Guardian / RNZ