วันที่ 30 พ.ย. 2565 แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ (30 พ.ย. 2565) ได้มีโอกาสเสนอนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power และการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยองค์กรอย่าง Thacca ให้กับคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และโฆษณา พร้อมขอข้อมูลและความรู้ในอุตสาหกรรมนี้ว่า ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร พบว่า เป็นอีกอุตสาหกรรมที่มีเรื่องต้องแก้ไขและสนับสนุนมาก บางเรื่องแก้ได้ทันที (เช่น การเข้าถึงแหล่งทุน ระเบียบเซ็นเซอร์ การสร้างข้อกำหนดสวัสดิการคนทำงาน)
บางเรื่องต้องใช้เวลาขึ้นมาอีกหน่อยและเป็นเรื่องการวางแผนอุตสาหกรรมระยะยาว เช่น การพัฒนาคน แต่เรื่องใหญ่ของมันคือ การหาธงของอุตสาหกรรมว่าจะเดินไปในทิศทางไหน เช่น ประเทศญี่ปุ่นบอกว่าเป็น Cool Japan , เกาหลีคือ Smart Korea แล้วประเทศไทยจะเป็นอะไร? และเราจะใช้โอกาสนี้ดัน Soft Power ไทยต่อไปในทิศทางไหน
แพทองธาร ระบุว่า ครั้งหนึ่ง ‘หนังผีไทย’ เคยตีตลาดโลก วันนี้ ‘ซีรีส์วายไทย’ เป็นเบอร์หนึ่งของโลกแล้ว แต่ก็มีการแชร์ในวงว่า ถึงอย่างนั้น ซีรีส์วายไทยยังไม่เคยมีการนำไปรีเมกเลย ขณะที่เรารีเมกซีรีส์วายจากญี่ปุ่น ปัญหาค่าแรงในอุตสาหกรรมก็ยังไม่เป็นธรรม ทั้งหมดนี้สะท้อนอะไร มันเป็นสิ่งที่เราต้องนำไปทำงานต่อ
”มีประเด็นที่คุณนุชี่พูดมาและน่าสนใจมากๆ คือการพัฒนาวงการภาพยนตร์ จำเป็นต้องมีหนังนอกกระแส ซึ่งเราอาจมองหนังนอกกระแสว่า เป็น R&D (การวิจัยและพัฒนา) ของการทำหนังก็ได้ วิธีคิดนี้น่าสนใจเพราะมันคือการลงทุนกับคน ระบบนิเวศ และทั้งอุตสาหกรรมด้วย
‘ทุน’ คือสิ่งที่ทุกคนให้น้ำหนักในวงวันนี้ แน่นอนว่ารัฐจำเป็นต้องช่วยลงทุนแต่ถ้า ‘เค้ก’ ก้อนเล็ก มีคนอยากมาร่วมแบ่งเค้กเยอะ แต่ละคนก็ได้ไม่มาก การแก้ไขเรื่อง ‘ทุน’ มีน้อยจึงไม่ใช่แค่กำหนดส่วนแบ่งในเค้กก้อนเดิม แต่คือการหาเค้กที่ใหญ่ขึ้น โดยขยายตลาดไปต่างประเทศ
“เช่น ถ้าวันนี้ซีรีส์วายคือศักยภาพใหม่ของไทย ก็ต้องส่งเสริมด้วยการลงทุนกับคนของเรา ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แล้วตั้งเป้าขายบท ขายภาพยนตร์ไปต่างประเทศเลยได้ไหม หรือจัดเฟสติวัลของภาพยนตร์และซีรีส์วายไทยในประเทศไทยให้ดังระดับโลกเพื่อดันตลาดนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งเราจะสนับสนุนทั้งซีรีส์วายแบบแมส และ แบบนอกกระแสไปพร้อมๆ กัน เป็นอีกวงที่ข้อมูลเยอะ และคิดว่าเรายังต้องมีวงเล็กๆ เพื่อเข้าไปขอข้อมูลและทำการบ้านต่อ เพราะยิ่งคุยก็พบว่า ประเด็นยิ่งกว้างจริงๆ และเห็นโอกาสที่ใหญ่มากๆ รออยู่ข้างหน้า ขอขอบคุณท่านมากๆอีกครั้งค่ะ”