นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ใช้กำลังยับยั้งการชุมนุมโดยสงบของเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เมื่อวันที่ 27 พ.ย.นั้นว่า อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ เพราะรัฐบาลใช้อำนาจเข้าแก้ปัญหามากกว่าใช้ความรู้ ความเข้าใจและความเห็นใจประชาชน อีกทั้งรัฐบาลไม่มีท่าทีเปิดกว้างรับฟังความเห็นของชาวบ้านโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลซึ่งถือเป็นกลุ่มเดือดร้อนโดยตรงที่รัฐบาลต้องเอาใจใส่ดูแลก่อนกลุ่มอื่นๆ ด้วยซ้ำ

นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลจะมีสิทธิอ้างกฎหมายเพื่อจัดการกับผู้ชุมนุมได้ก็ตาม แต่รัฐบาลฉลาดจะต้องใช้วิธีทางรัฐศาสตร์เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ด้วยเพื่อไม่ให้บานปลายไปกว่านี้ เพราะอย่างน้อยๆ ปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังมีข้อเท็จจริงที่ต้องหาข้อถกเถียงหาข้อยุติอีกหลายประเด็นโดยเฉพาะปัญหาผลกระทบต่อวิ่งแวดล้อมและชุมชน การเปิดกว้างรับฟังแม้จะเป็นความเห็นที่ต่างจากนายกรัฐมนตรี ต่างจาก ครม.ยิ่งต้องฟัง ถ้าต้องการได้ยินแต่เสียงซ้ำๆ คำชื่นชมด้านเดียว การบริหารประเทศก็จะไม่ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง

"ผมอยากเห็นท่านนายกรัฐมนตรีใจกว้างและกล้าหาญในเรื่องนี้ปล่อยตัวชาวบ้านและยกเลิกข้อหากับทุกคนจะได้ใจและได้ประโยชน์ได้ความร่วมมือมากกว่า อย่างน้อยยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 การขับเคลื่อนประเทศ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนจากสังคมทุกกลุ่มก็จะดำเนินไปท่ามกลางความร่วมไม้ร่วมมือ และการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่เดินหน้าไปบนความหวาดระแวงตั้งแต่เริ่มต้นแบบนี้"นายสุริยะใส กล่าว