นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ไปพูดที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ไม่แน่ใจว่าพลเอกประยุทธ์หมายถึงใคร แต่ถ้าหากหมายถึงตน ก็อยากให้พลเอกประยุทธ์กลับไปอ่านข้อเสนอแนะและการวิเคราะห์ของตนใหม่ เพราะสงสัยว่าพลเอกประยุทธ์จะอ่านข้อเสนอแนะและการวิเคราะห์ของตน ไม่ละเอียดอีกแล้ว ตนได้บอกว่าถ้าไม่มีการประท้วงชัตดาวน์กรุงเทพฯ และ ไม่มีการปฏิวัติ อ้างอิงตามแผนเบื้องหลังที่ นายนคร มาฉิม อดีต สส. ปชป. นำมาเปิดเผย เศรษฐกิจไทยก็จะโตได้ร้อยละ 4-5 ตั้งแต่ปี 2557-2558 เป็นต้นไปแล้ว
โดยหากเป็นนักเศรษฐศาสตร์จะเข้าใจดีถึงการตั้งสมมติฐานเพื่อนำมาวิเคราะห์ เพราะในปี 2555 เศรษฐกิจไทยโตได้ถึงร้อยละ 6.6 และต่อมาในปี 2556 ถ้าไม่มีการประท้วงในไตรมาสสุดท้าย สิ้นปีเศรษฐกิจก็น่าโตได้ ประมาณร้อยละ 4 ดังนั้น ในปี 2557 และ ปี 2558 เรื่อยมาก็น่าจะโตได้ในระดับเดียวกันที่ประมาณร้อยละ 4-5 เพราะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็เติบโตได้ดีและขยายตัวสูงมากกันหมดและยังสูงกว่าร้อยละ 6-7 ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งด้วยศักยภาพของประเทศไทย เศรษฐกิจควรต้องโตได้ร้อยละ 4-5 ต่อปี เป็นอย่างต่ำอยู่แล้ว ซึ่งทั้งธนาคารโลก (เวิล์ดแบงค์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็ยืนยันศักยภาพของไทยในตัวเลขนี้
ดังนั้น จึงเป็นการวิเคราะห์ตามหลักการและตามสมมติฐาน ไม่ได้มีการบิดเบือน อีกทั้งยังมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีมาเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจโลกได้ โดยเฉพาะในปีนี้ ที่ขนาดประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เป็นประเทศที่เจริญแล้วและมีขนาดเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกในไตรมาส 2 ยังโตได้ถึงร้อยละ 4.1 ดังนั้นการที่ไทยโตได้ร้อยละ 4 กว่า จึงไม่ได้ถือว่าดีมากนัก และต้องใช้เวลากว่า 4 ปี ถึงจะโตได้เกินร้อยละ 4 ซึ่งเป็นการเสียโอกาสของประเทศ
"พลเอกประยุทธ์ น่าจะลองถาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต. สำนักนายกฯ ดูว่าสมมติฐานและการวิเคราะห์ของตนถูกต้องหรือไม่ ? เพื่อจะได้ทราบและเข้าใจถึงหลักการการวิเคราะห์แบบสากล โดยเฉพาะหากพลเอกประยุทธ์อาจจะอยากกลับมาเป็นนายกฯ อีกในระบอบประชาธิปไตย" นายพิชัย กล่าว
อ่านเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม