ไม่พบผลการค้นหา
ยาบ้าระบาด สังคมเสื่อม คลั่ง ฆ่ารายวัน 'เพื่อไทย' แนะโมเดล 'ทักษิณ' ปราบยาผ่านเครือข่ายชุมชนเป็นหูเป็นตา เห็นผลแน่

วันที่ 30 มี.ค. ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้ไม่มีทีท่าเบาบางลง ซ้ำยังคงลุกลามบานปลาย ยาเสพติดหาง่ายยิ่งกว่าขนม ราคาถูกยิ่งกว่าบะหมี่สำเร็จรูป หลายเครือข่ายยาเสพติด ทั้งยาเค ยาบ้า ลักลอบระดมขนกันเข้ามา ผ่านชายแดนภาคเหนือ อีสาน เข้าสู่ใจกลางประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้จะมาถึง โดยนับตั้งแต่ปี 2565 ที่มีแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 โดย ป.ป.ส.พบว่า ในปีที่ผ่านมามีการจับกุมคดียาเสพติดทั้งหมด 337,186 คดี เป็นยาบ้ากว่า 500 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 26,000 กิโลกรัม ที่เหลือเป็นเฮโรอีน เคตามีน โคเคน เอ็กซ์ตาซี และกัญชากว่า 40,000 กิโลกรัม โดยยาเสพติดที่แพร่หลายมากที่สุดยังคงเป็นยาบ้า คิดเป็นร้อยละ 79.2 เนื่องจากราคายาบ้าลดลง จนประชาชนแจ้งเข้ามาว่าราคา 3 เม็ดร้อย บางพื้นที่เม็ดละ 5 บาท หากพิจารณาตามกลไกตลาด ราคายาบ้าที่ถูกลง คือสินค้าล้นตลาด แสดงให้เห็นว่าการประกาศเปิดปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามฯ ยาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมาว่าจะต้องแล้วเสร็จสิ้นเดือนมกราคม 2566 นั้นยังไม่ประสิทธิภาพมากพอ จึงมีข้อเสนอแนะว่า 

1. เข้มงวดในการผลิตและครอบครองสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยาเสพติด รวมถึงตรวจจับคุมเข้มการผลิตเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต

2.เจ้าหน้าที่ต้องไม่ปล่อยปละละเลย โดยต้องควบคุมเส้นทางชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะอาจมีการลักลอบขนยาเสพติดมากขึ้น 

3.เพิ่มมาตรการใช้เครือข่ายภาคประชาชนในการรายงานการระบาดของยาเสพติดในชุมชน เพราะมีความเป็นกลาง และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ประชาสัมพันธ์ จูงใจด้วยเงินนำจับตามกฎหมาย 5% โดยมีมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส เพราะในอดีตรัฐบาลไทยรักไทย ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้ว โดยใช้เครือข่ายวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ให้ข้อมูล ทำให้การปราบปรามยาเสพติดเห็นผลมากขึ้น 

4.ปราบปรามการซื้อขายยาเสพติดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างจริงจัง

“การปราบปรามยาเสพติดด้วยการยึดทรัพย์รายวัน แต่ราคายาบ้ายังถูกหลักสิบบาท เหตุอาชญากรรมคนคลั่งหลอนยา ฆ่ากันตาย ยังเกิดขึ้นแทบทุกวัน ประชาชนคงรู้คำตอบดีว่าแนวทางนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ จากจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 78% หรือมากกว่า 200,000 คน มาจากคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป เราจะนำสถาบันครอบครัวที่ปกติสุข นำลูกหลานกลับคืนมาสู่อ้อมกอดของทุกคน” ลิณธิภรณ์ กล่าว