วันที่ 19 เม.ย. 2567 จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ อดีต ส.ส.จังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย และ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการด้านแผนงานบูรณาการ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เปิดเผยว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบโครงการโคแสนล้าน ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติแล้ว สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งตน เป็นประธานคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการโคแสนล้าน เพื่อผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จและพัฒนาต่อยอดเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
จิรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนประเทศต่างๆ เพื่อไปเจราการค้าเรื่องการส่งออกวัว ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกในรูปแบบวัวเป็น เนื้อวัวชำแหละ หรือเนื้อวัวแปรรูปของไทย เพื่อแก้ปัญหาราคาวัวเป็นก่อนชำแหละตกต่ำ ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้ราคาวัวเป็น จากราคากิโลกรัมละกว่า 100 บาท เหลือกิโลกรัมละ 70-80 บาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบจากการตรวจสอบการใช้สารเร่งเนื้อแดงของประเทศผู้นำเข้าต่างๆ แต่ยังมีการลักลอบจำหน่ายอยู่ ชึ่งสร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมกรรมการส่งออกวัวอย่างมาก
"อีกประเด็นที่สำคัญคือ การแอบลักลอบนำเข้าวัวเถื่อนเข้ามาในประเทศ ทั้งในรูปแบบวัวเป็น จากประเทศชายขอบ และลักลอบนำเข้าเนื้อกล่อง ผมได้รับรายงานว่า มีพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง มีความพยายามที่ลักลอบนำเข้าวัวเถื่อน จากประเทศชายขอบ พม่า ลาว และกัมพูชา มาส่งออกแทน ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการไม่เห็นถึงความลำบากของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวไทยเลย โดยจากปํญหาดังกล่าว ถึงแม้ว่ารัฐบาล จะปราบปรามอย่างหนัก แต่ก็ยังมีผู้ไม่เกรงกลัวกฏหมาย ดังนั้น ผมจะเสนอ นายสมศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) ให้แก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมอาหารสัตว์ และ พ.ร.บ.โรคระบาทสัตว์ เพื่อเพิ่มโทษยึดทรัพย์และให้รางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส จากการกระทำผิดดังกล่าว" จิรพงษ์ กล่าว
จิรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า โครงการโคแสนล้าน ที่ สมศักดิ์ ริเริ่มโครงการ จะเป็นตัวช่วยเสริมที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวเดิม และเกษตรกรผู้ที่ตั้งใจจะเลี้ยงใหม่ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงใหม่จะได้ซื้อวัวในราคาที่ถูกต้นทุนต่ำ โครงการโคแสนล้าน จะให้เกษตรที่มีความพร้อมกู้ยืมเงินครอบครัวละไม่เกิน 50,000 บาทต่อครัวเรือน เพื่อชื้อวัวกันเอง หรือ หาซื้อจากฟาร์มวัวภายในประเทศ เพื่อเลี้ยงวัวโครงสร้างจำหน่าย โดยรัฐบาลจะออกค่าดอกเบี้ยให้แทนสองปีแรก ชึ่งถือว่าใช้งบประมาณน้อยมาก โครงการนี้ถือว่ามีความโปรงใส ไม่เปิดช่องทางให้ทุจริต และจะเริ่มนำร่องปล่อยสินเชื่อแก่เกษตรกร 1 แสนครัวเรือน จะทำให้มีการเพิ่มกำลังการซื้อวัวภายในประเทศ ถึง 5,000 ล้านบาท และในเฟสต่อไปจะดำเดินการอีกหลายแสนครัวเรื่อน ชึ่งเป็นการสร้างดีมานด์การค้าวัวเป็นภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาวัวเป็นราคาดีแน่นอน และเมื่อโครงการนี้สำเร็จถึง 1 ล้านครอบครัว ก็จะเป็นพลวัตในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจไทยคิดเป็นมูลค่าถึง 250,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี