ไม่พบผลการค้นหา
ทนายครูแขก 'แพะ' คดีระเบิดปี 53 เตรียมอุทธณ์คดีฟ้อง 'ศรีวราห์' กับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อพิสูจน์มาตรฐานกระบวนการยุติธรรมไทย

นางเบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อดีตจำเลยในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นใน จ.นนทบุรีเมื่อปี 2553 ซึ่งศาลอาญาสั่งยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอีกครั้ง เพื่อฟ้องกลับคณะตำรวจที่เคยดำเนินคดีกับนางอัมพร รวม 12 คน รวมถึงพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้องคดีดังกล่าวไปเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ตำรวจทำตามกฎหมายและชอบด้วยกฎหมาย แต่ทนายความนางอัมพร หรือครูแขก ระบุว่า ขณะนี้กำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 24 ก.ย. ตามเจตจำนงของครูแขก เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างและเป็นบทเรียนสำหรับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ ถูกฟ้องคดีร้ายแรง และจำคุกทั้งที่ไม่มีความผิด หรือ 'เป็นแพะ'

ทนายของนางอัมพรระบุว่า การฟ้องกลับคดีนี้เพื่อพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมและให้เป็นมาตรฐาน ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องอยู่ใต้กฎหมาย เสมอภาคกับประชาชนทั่วไป ไม่ให้มีความอยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งการอุทธรณ์ครั้งนี้ เตรียมคำพิพากษาศาลที่ยกฟ้องครูแขกในคดีระเบิด เพราะไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าครูแขกกระทำความผิด ประกอบการอุทธรณ์ให้ศาลพิจารณา โดยย้ำว่า หากเจ้าหน้าที่ทำตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่ควรส่งฟ้องตั้งแต่ต้น 

นางเบญจรัตน์ ยังฝากถึงผู้มีหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมว่าควรรัดกุม ตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ หรือใช้อคติในการดำเนินคดีกับประชาชน ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา และไม่อยากให้เกิด 'แพะ' ซึ่งสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กระบวนการยุติธรรมไทย

ทั้งนี้ เหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยต้นตอที่ทำให้เกิดระเบิดอยู่ที่ห้องพักหมายเลข 202 ซึ่งเจ้าของห้อง คือ นายสมัย วงศ์สุวรรณ ชาวอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ต้องหาคดีปาระเบิดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี และเป็นสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งยังเป็น 1 ใน 4 ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

ตำรวจเผยผลสอบสวนว่าเหตุระเบิดเกิดจากภายในห้องเลขที่ 202 มีสารประกอบระเบิดจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ โดยมีทั้งดินดำและปุ๋ยยูเรีย เทียบเท่ากับระเบิด TNT ประมาณ 10 กิโลกรัม ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่านายสมัยอาจกำลังเตรียมก่อเหตุระเบิด แต่เกิดพลาดเสียก่อน

ในขณะนั้น พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ดำรงตำแหน่ง รักษาการ ผบช.ภ.1 เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการสอบสวนดำเนินคดี และต่อมาได้มีการออกหมายจับนางอัมพร ในฐานะที่เป็นแนวร่วมกลุ่ม นปช. และเป็นชาวบ้าน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาวบ้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ผู้ค้าปุ๋ย ซึ่งรู้จักกับนายสมัย ทำให้ทั้งสองคนถูกออกหมายจับ แต่ได้รับการประกันตัว

จนกระทั่งเดือน พ.ย. 2559 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องนางอัมพร โดยตัดสินว่าพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ทำให้นางอัมพรตัดสินใจฟ้องกลับคณะตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด

ทั้งนี้ ในระหว่างที่คดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นยังไม่ถึงที่สิ้นสุด มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่ย่านราษฎร์อุทิศ กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือน มี.ค. 2557 และเจ้าหน้าที่ระบุว่าพบเบาะแสเชื่อมโยงกับนางอัมพร จึงมีการออกหมายจับกุมอีกคดีหนึ่ง นำไปสู่การจับกุมและควบคุมตัวนางอัมพรในวันที่ 1 ก.ย. 2559 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายจับสน.มีนบุรี แต่คดีดังกล่าวก็ถูกศาลยกฟ้องเช่นกันเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2560

อ่านเพิ่มเติม