สมาชิกพรรคฝ่ายค้านและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแสดงความกังวลที่รัฐบาล มาเลเซียและสิงคโปร์วางแผนว่าจะร่างกฎหมายปราบปรามข่าวปลอม เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศจะใช้กฎหมายนี้ปราบปรามคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและผู้เห็นต่าง

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมาเลเซียเพิ่งผ่านร่างกฎหมายปราบปรามข่าวปลอม และจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยสำนักข่าวแชนนัล นิวส์ เอเชีย รายงานว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดเผยว่ารัฐบาลจะไม่อ่อนข้อ เมื่อมีข้อมูลที่กระทบกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ พร้อมย้ำว่าร่างกฎหมายนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ป้องกันประชาชนจากข่าวปลอมและการตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม แต่จะไม่กดขี่สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่ได้รับการรับรองในรัฐ ธรรม���ูญ

ที่ผ่านมา นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันในกองทุน 1MDB ซึ่งเขาเคยกล่าวว่าเขาเป็นเหยื่อของการใส่ร้ายป้ายสีบนโลกออนไลน์และข่าวปลอม

ด้านสำนักข่าวเดอะสตาร์รายงานว่ารัฐมนตรีช่วยกระทรวงโทรคมนาคมและมัลติมีเดียของมาเลเซียระบุ ว่าข้อมูลที่ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลถือเป็นข่าวปลอมทั้งหมด ซึ่งการคอร์รัปชันกองทุน 1MDB ก็เป็นข้อมูลที่รัฐบาลไม่ยอมรับเช่นกัน ส่งผลให้พรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียตั้งคำถามว่ากฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อปิดปากคนที่วิจารณ์เรื่อง 1MDB ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

ส.ส.พรรคฝ่ายค้านระบุว่าแถลงการณ์ของกระทรวงโทรคมนาคมและมัลติมีเดียสามารถตีความได้ว่า ผลการสอบสวนการทุจริตใน 1MDB ของคณะกรรมาธิการตรวจสอบบัญชีสาธารณะของมาเลเซียเท่านั้นที่จะไม่ถือว่าเป็น ข่าวปลอม และผลการสอบสวนของคณะอัยการจาก 6 ประเทศ รวมถึงกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ก็อาจถือเป็นข่าวปลอมได้

เมื่อ วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี รวมถึงเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์แสดงความเห็นว่ากฎหมายของสิงคโปร์ครอบคลุมการจัดการกับข่าวปลอมอยู่แล้ว ตั้งแต่กฎหมายหมิ่นประมาท เฮทสปีชและการเผยแพร่ข่าวปลอม ไม่จำเป็นต้องร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมาอีก และหากร่างกฎหมายที่เข้มงวดไปกว่านี้จะส่งผลกระทบกับบทบาทของสิงคโปร์ในการเป็นฮับด้านการเงินของโลก รวมถึงการผสมผสานเชื้อชาติและศาสนาภายในสิงคโปร์

ปัจจุบัน สิงคโปร์อยู่อันดับ 151 จากทั้งหมด 180 ประเทศในดัชนีเสรีภาพสื่อโลกขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ซึ่งมีความกังวลว่ากฎหมายใหม่จะยิ่งให้อำนาจรัฐบาลในการควบคุมสื่อ