ไม่พบผลการค้นหา
ทนายความของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นคำร้องขอศาลปกครองทุเลาการบังคับคดีใหม่อีกครั้ง งดหรือชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ระบุคำพิพากษาคดียังไม่ถึงที่สุด

8 ก.พ. 2561 นายนพดล หลาวทอง ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร เดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อยื่นคำร้องให้ศาลปกครองคุ้มครองโดยสั่งให้กรมบังคับคดี งดหรือชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด

นายนพดล กล่าวว่า การยื่นคำร้องขอฉบับใหม่นี้ เป็นการใช้สิทธิตามปกติซึ่งกฎหมาย ให้สิทธิไว้ เพราะคดีที่กระทรวงการคลังได้ออกคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 สั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเงินจำนวนมากถึงสามหมื่นห้าพันล้านบาทเศษนั้น เป็นการออกคำสั่งเรียกให้รับผิดโดยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการพิสูจน์ความผิดโดยศาล แต่เป็นการใช้อำนาจของฝ่ายรัฐ อีกทั้ง พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ยังได้ใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดี   เข้าดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะในคดีอื่นๆ  เมื่อฝ่ายบริหารใช้อำนาจรัฐออกคำสั่งเรียกให้ชดใช้แล้ว ก็จะมีการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง   ทุกฝ่ายจะรอผลแห่งคำพิพากษา เมื่อเป็นที่ยุติอย่างไรจึงจะดำเนินการต่อไป เช่น ศาลพิพากษาให้ต้องรับผิดก็จะมีการยึดอายัดทรัพย์สินนำไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินที่ได้มาชดใช้ต่อไป แต่คดีนี้ กลับเลือกปฏิบัติโดยมีการกระทำการยึดเงินสดและอายัดทรัพย์สินไปก่อนที่จะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ จึงได้ยื่นฟ้องพลเอกประยุทธ์ ฯ กับพวกต่อศาลปกครอง เป็นคดีนี้

คำร้องระบุที่ผ่านมานางสาวยิ่งลักษณ์จึงได้ใช้สิทธิตามกฎหมาย ยื่นคำร้องขอต่อศาลปกครองให้คุ้มครองเป็นการชั่วคราว ด้วยการเพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินไปโดยกรมบังคับคดี    ซึ่งมีถึง 37 รายการ โดยอาศัยคำสั่งหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ดังกล่าว ซึ่งต่อมาศาลสั่งยกคำร้อง

27901882_2036631086604171_1343458299_o.jpg

นายนพดลระบุว่าการยื่นคำร้องใหม่ครั้งนี้ ได้แสดงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ศาลเห็นว่า กรณี   ได้เข้าเงื่อนไขทั้งสามประการ ตามข้อ 72 วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 แล้ว ที่ศาลจะสั่งทุเลาการบังคับฯ คือการคุ้มครองแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นการชั่วคราว เงื่อนไขดังกล่าว คือ

ประการแรก คำสั่งทางปกครอง ที่เรียกให้นางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้ความเสียหายนั้นน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   ได้พิพากษาแล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ไม่ได้กระทำผิดในส่วนของการดำเนินนโยบายจำนำข้าว เพราะได้ใช้ความระมัดระวังและมีมาตรการป้องกันอย่างดีแล้ว แต่เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งคำสั่งที่เรียกให้ชดใช้ในคดีนี้นั้นอ้างความบกพร่องให้รับผิดในเรื่องจำนำข้าวเพียงอย่างเดียว ทำให้การคิดคำนวณค่าเสียหายที่เรียกให้นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ชดใช้เป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ประการที่สอง หากให้คำสั่งทางปกครองมีผลบังคับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง จนยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง เพราะขณะนี้กรมบังคับคดีกำลังเตรียมการขายทอดตลาดกับทรัพย์สินที่ได้ยึดอายัดไป โดยเฉพาะบ้านพักอาศัยพร้อมที่ดินซึ่งมีบุตร  และสามีกับเครือญาติพักอาศัยอยู่ ซึ่งหากขายทอดตลาดไปแล้ว หากภายหลังศาลพิพากษาว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ไม่ได้กระทำผิด ก็ไม่อาจเรียกคืนบ้านพักพร้อมที่ดินซึ่งขายทอดตลาดไปแล้วได้ อันเป็นความเสียหายทั้งต่อตัวทรัพย์สิน และความเสียหายทางจิตใจของ   นางสาวยิ่งลักษณ์บุตร สามี และผู้คน ในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว  นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ทำมาหากินมาโดยสุจริตตลอดชั่วอายุ โดยเฉพาะเป็นบ้านเกิดของบุตร  ที่เจริญเติบโตมาจากบ้านหลังที่แม่กับพ่อได้ช่วยกันสร้างขึ้นมาจนปัจจุบัน

และประการสุดท้าย การที่ศาลจะได้สั่งให้งดหรือชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ไว้ก่อน จนกว่าจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า นางสาวยิ่งลักษณ์กระทำผิดจริงหรือไม่นั้น จะไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะแต่อย่างใด

คำร้องระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากศาลปกครอง ที่จะให้การคุ้มครองเป็นการชั่วคราวด้วยการให้งดหรือชะลอการขายทอดตลาดไว้ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ชี้ถูกชี้ผิดว่าเป็นอย่างไร เหมือนดังเช่นบุคคลอื่นๆ ที่ได้รับการคุ้มครองจากศาล อันเป็นบทบัญญัติที่กฎหมายได้ให้การคุ้มครองตลอดมา ซึ่งกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ นี้ ได้มีการปฏิบัติผิดแผกแตกต่างจากคดีอื่นโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดียึดอายัดเงินสดและทรัพย์สินต่างๆ ไปแล้วโดยไม่ชอบทั้งสิ้น