วานนี้ (15 พ.ค.) ภายหลังจากที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ( ศาล มทบ.23 ) ได้ทำการเบิกตัว นายจตุรภัทธ์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน มาสอบปากคำพยานฝ่ายจำเลยนัดแรก ในคดีร่วมกันมั่วสุมและชุมนุมทางการเมือง คดีเลขที่ 61/2559 โดยศาล มทบ.23 ใช้เวลาในการสอบพยานจำเลย ซึ่งทีมทนายความได้ใช้สิทธิ์ให้จำเลย เป็นพยานปากแรกในคดีดังกล่าว ซึ่งศาล ใช้เวลาไต่สวนนานกว่า 4 ชั่วโมง จึงมีคำสั่งให้ ไผ่ ดาวดิน เดินทางกลับไปคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษตามเดิม เพื่อรอรับการสอบปากคำพยานจำเลยในนัดที่ 2 ต่อไป
นายอานนท์ นำภา ทนายความ กล่าวว่า ผู้ต้องหาตกเป็นจำเลยในคดีจากการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และชุมนุมในวันครบรอบ 1 ปีของการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2558 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น โดยไผ่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 ชุมนุมทางการเมือง จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ดังนั้นในการให้การทางทีมทนายความได้เบิกความเพื่อให้จำเลยในฐานะพยานได้กล่าวถึงการคัดค้านรัฐประหารที่มีเหตุผล รวมทั้งการเบิกความถึงในเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งหลายคนบอกว่าไปไหนก็มีคนมาต้อนรับ แต่ยังคงมีชาวบ้าน กลุ่มดาวดินและหลายคนที่ยังคงคัดค้านอยู่ด้วยการแสดงออกในการแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว
ทั้งนี้ ศาล มทบ.23 ได้นัดสอบปากคำพยานจำเลยอีกครั้งเป็นนัดที่ 2 ในวันที่ วันที่ 9 ก.ค. 2561 โดยทีมทนายความจะเบิกความพยานฝ่ายจำเลยอีก 3 ปาก ในนัดสอบปากคำพยานจำเลย รวมพยานฝ่ายจำเลยมีทั้งหมด 4 ปาก ที่จะเข้าเบิกความต่อองค์คณะตุลาการศาลทหาร โดยไผ่ ดาวดิน จะเป็นคนแรกในการเบิกความวันที่ 9 ก.ค. และมั่นใจว่าพยาน 3 ปากที่เหลือจะให้การแล้วเสร็จในวันที่ 10 ก.ค.
นายอานนท์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการใช้สิทธิ์จำเลยมาเป็นพยานในคดีนี้นั้นทีมทนายความมั่นใจในเหตุผลที่ชัดเจนว่าในเมื่อเจ้าตัวกระทำและแสดงออกถึงการทำรัฐประหารดังนั้นการเบิกความต่อศาลจะแสดงถึงการกระทำดังกล่าวของจำเลยในคดีนี้ ดังนั้นถึงวันนี้แล้วทีมทนายความและจำเลยยังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมในการคัดค้านการกระทำรัฐประหารอย่างสงบและสันติ