อาบู ฮาฟิซ อัลฮากีม โฆษกกลุ่มมาราปาตานี หนึ่งในผู้เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพ/สันติสุขร่วมกับตัวแทนรัฐบาลไทยนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 19 ก.ย. ระบุว่า มาราปาตานีกังวลต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นล่าสุดใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังเกิดเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารชุดกองร้อยทหารพราน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. มีผู้เสียชีวิต 2 นาย และมีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษภายใต้กฎอัยการศึกในพื้นที่ อ.หนองจิก ทั้งยังมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ผสมนับพันนายเข้าปิดล้อมและตรวจค้นบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ยังประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง รวมถึงนำอาวุธปืน/เครื่องกระสุน ยานพาหนะ และเรือประมงไปแสดง แต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับทำให้ประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว กระทบต่อวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพ ทั้งที่สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ก่อให้เกิดความยากลำบากในชีวิตประชาชนอยู่แล้ว
โฆษกกลุ่มมาราปาตานี จึงได้ประณามการบังคับใช้กฎหมายพิเศษดังกล่าวซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศกฎหมายพิเศษและกฎอัยการศึกในพื้นที่โดยด่วน รวมถึงเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์และแทรกแซงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน สำนักสื่อท้องถิ่นวาร์ตานี ซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รายงานว่า กลุ่มชาวบ้านใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ทนายความมุสลิม และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอความเป็นธรรมและความคุ้มครอง เพราะเห็นว่าการประกาศใช้กฎหมายพิเศษภายใต้กฎอัยการศึก และการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ เข้าข่ายการปฏิบัติแบบ 'เหมารวม' บนแนวคิดว่าชาวบ้านในพื้นที่เป็นฝ่ายเดียวกับกลุ่มก่อเหตุ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ชัดเจน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ใน จ.ปัตตานี เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. หลังจากผู้ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารชุดกองร้อยทหารพรานจำนวน 6 นาย ซึ่งกำลังมุ่งหน้ากลับฐานปฏิบัติการย่อย ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 4 นาย จากนั้นจึงได้มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษภายใต้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางเขาและตำบลท่ากำชำ ใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
การสนธิกำลังปิดล้อมและปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มผุ้ก่อเหตุ รวมถึงการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทั้งบนบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตลอดจนการปล่อยกำลังไปควบคุมตามจุดต่างๆ ที่เป็นเส้นทางสัญจรของประชาชน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบ และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำ 8 ราย
ด้าน พล.ท. ปิยวัฒน์ แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุด้วยว่า เหตุกระทำผิดต่อไปนี้ ผู้เป็นพ่อแม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำลูกหลาน และกำลังจะตั้งทีมกฎหมายเข้ามาดูแลให้ผู้ก่อเหตุคิดใหม่ หันมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐให้มาเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน สำหรับพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษและจะยังคงมีเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายปฏิบัติภารกิจเชิงรุกในการกดดันเปิดช่องว่างไม่ให้มีโอกาสเคลื่อนไหวหากพบจะดำเนินยุทธวิธีทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: