องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่าพบการทุจริตโกลผลเลือกตั้งจากบัตรลงคะแนนล่วงหน้าทางไปรษณีย์นั้น เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลและทำลายความไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นเสาหลักของสหรัฐอเมริกา

ไมเคิล จอร์จ ลิงก์ ผู้อำนวยการและผู้ประสานงาน OSCE ซึ่งเฝ้าติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 เผยว่า ทีมงานของเขายังไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งสมัยที่ 2 ว่ามีการโกงการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ 

"ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลเกี่ยวกับการทุจริตอย่างเป็นระบบ ตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อ้างซึ่งรวมถึงคืนวันเลือกตั้งนั้น ส่งผลเสียต่อความไว้วางใจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย"

"ในวันเลือกตั้งสหรัฐฯ นั้น เรายังไม่พบเห็นการละเมิดกฎเกณฑ์ใดๆ ที่คูหาเลือกตั้งแห่งต่างๆ ที่เราไปสังเกตการณ์" ไมเคิล กล่าว 

ประธานกลุ่มสังเกตการณ์เลือกตั้งยังกล่าวด้วยว่า เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ที่ทรัมป์อ้างเรื่องโกงการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ เนื่องจากสหรัฐฯ มีประวัติศาสตร์การเลือกตั้งทางไปรษณีย์มายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 

ไมเคิล ยังเผยอีกว่า แม้แต่ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งรวมถึงสื่อมวลชนในสหรัฐฯ เอง ก็ไม่พบหลักฐานบ่งชี้การโกงเลือกตั้งเช่นกัน 

ประธาน OSCE ยังกล่าวว่า ความต้องการของ ปธน.ทรัมป์ที่พยายามฟ้องศาลให้ยุติการนับคะแนนนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิทำเช่นกัน เพราะการนับคะแนนเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานท้องถิ่นในแต่ละรัฐ

"ไม่ควรมีใคร หรือนักการเมืองคนใด จำกัดสิทธิของประชาชนในการลงคะแนนเสียง หลายฝ่ายมองว่าท่าทีของทรัมป์ ยิ่งเพิ่มให้ความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งรุนแรงขึ้น"

ท่าทีของ OSCE มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ หลังการปิดหีบเลือกตั้งเมื่อ 4 พ.ย. เพียงไม่กี่ชั่วโมงว่า พบการโกงบัตรนับคะแนนเลือกตั้ง โดยวันถัดมา ผู้นำสหรัฐฯ ได้แถลงย้ำอ้างว่ามีการโกงบัตรลงคะแนนล่วงหน้าทางไปรษณีย์์์์์์์์์์์์ที่ทำให้คะแนนของโจ ไบเดน คู่แข่งเริ่มตีตืิ้นในหลายมลรัฐ ซึ่งทรัมป์ไม่ได้เผยหลักฐานประกอบคำอ้างดังกล่าว

สำหรับ OSCE เป็นองค์กรนานาชาติที่ตั้งในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ทำหน้าที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งในบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหมด โดยสหรัฐฯ เป็นภาคีสมาชิกองค์กรดังกล่าวด้วย

ที่มา : DW