เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย สถาพร ว่องสันธพงษ์ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด เดินทางไปยังโบราณสถานปรางค์กู่ บ้านบางกู่ ต.มะอึ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อดูสถานที่ประวัติศาสตร์ของจังหวัด ในการเดินทางมา จ.ร้อยเอ็ดเพื่อรับฟังความคิดเห็นและปัญหาเพื่อนำไปออกแบบนโยบายการเลือกตั้งท้องถิ่นที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปเข้าร่วมวงเสวนาในหัวข้อ "ร้อยเอ็ด ความสำเร็จที่เป็นไปได้"ที่ห้องชมพูพันธุ์ทิพย์ โรงแรมธนินธร กรีนปาร์ค ท่ามกลางประชาชนชาวร้อยเอ็ดที่มาร่วมฟังเป็นจำนวนมาก 

ธนาธร กล่าวว่า เหตุผลที่ตนเดินทาง จ.ร้อยเอ็ดเพื่อดูพื้นที่สำหรับการออกแบบนโยบายในแต่ละจังหวัด โดยในสัปดาห์ก่อน ตนได้เดินไปไปยังจ.พิษณุโลก จ.ตาก และจ.นนทบุรี ซึ่งอยากจะทำการเมืองท้องถิ่น อยากจะพัฒนาบ้านเมืองให้ดี ซึ่งเริ่มต้นได้จากบ้านเราเอง จากประชาชนทุกคน ตนมีความมุ่งหวังในการทำการเมืองท้องถิ่นเพื่อตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง โดยภารกิจหนึ่งวันนี้ ได้เดินทางไปดูสนามกีฬา จ.ร้อยเอ็ด จากข้อมูลสนามกีฬาแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในความดูแลของรัฐส่วนกลาง แต่อยู่ในการดูแลของ อบจ. จึงเข้าไปเพื่อที่จะดูว่ามีการรักษาดูแลดีหรือไม่ ปรากฏว่าสภาพมีความรกร้าง มีน้ำเจิ่งนองท่วมขังในบางจุด สนามเด็กเล่นไม่ได้รับความดูแล ถ้าสถาพร จะลงแข่งขันนายก อบจ. ด้วยนโยบาย ไม่ใช้อิทธิพล แต่แข่งกันที่นโยบาย เราสามารถเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นได้ ด้วยการสร้างนโยบายที่ดี ซึ่งงบประมาณ อบจ.ร้อยเอ็ด กว่า 1,100 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถทำนโยบายที่ออกแบบให้เกิดขึ้นได้จริง ดังนั้น อยากให้ประชาชนชาวร้อยเอ็ดมาร่วมเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองเราอีกครั้ง ซึ่งเริ่มต้นได้ที่ท้องถิ่นของเรา

"การเมืองท้องถิ่นต่างจากการเมืองระดับชาติ เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนสามารถเลือกผู้บริหารได้โดยตรง สามารถเลือกคนที่จะเอาเงินภาษีที่ทุกคนเสียในทุกๆ ปีไปบริหารและพัฒนาท้องถิ่นได้โดยตรง การสร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ที่แข่งขันกันด้วยนโยบาย ผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่สุดคือประชาชน ผมเชื่อว่าประชาธิปไตยจะแข็งแรงได้ และการเมืองท้องถิ่นจะแข็งแรงได้ ต้องเริ่มจากนโยบายที่ดี หากเอางบประมาณมาจัดสรรอย่างดี เอาเงินงบประมาณไปใช้ถูกต้อง ไม่มีการโกงกิน งบประมาณจำนวน 1,100 ล้านของ อบจ.ร้อยเอ็ด หรือกว่า 10,000 ล้านของ อปท.ร้อยเอ็ดทั้งหมด สามารถพัฒนาจังหวัดและทำให้ภาพรวมของประเทศไทยไปข้างหน้าได้ไกลกว่านี้ได้ เราเชื่อในความรู้ความสามารถของเรา และนี่คือเหตุผลที่จะลงทำการเมืองท้องถิ่น นี่คือการทำให้ประชาธิปไตยให้เข้มแข็งจากรากฐาน นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย" ธนาธร กล่าว 

ด้าน สถาพร กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมารับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน เพื่อเอามาทำนโยบายในการเลือกตั้งท้องถิ่นว่าจะสามารถพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งท้องถิ่น ยังไม่เคยมีผู้สมัครคนไหนเคยบอกว่าจะเอาเงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปทำอะไรบ้าง ไปพัฒนาส่วนไหนบ้าง ตนจะตั้งใจทำนโยบายที่ดี ที่จะตอบโจทย์ของประชาชน แล้วเราจะเห็นมิติใหม่ของการเมืองท้องถิ่นที่ต่างออกไปจากเดิม

"วันนี้ ผมได้รับโอกาสเป็นตัวแทนคณะก้าวหน้า ในการลงสมัครนายก อบจ. ที่ผ่านมาผมได้ทำงานการเมืองท้องถิ่นมากว่า 20 ปี ซึ่งตำแหน่งนายก อบจ. นั้นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เพราะการเมืองท้องถิ่นที่ผ่านมา การจะก้าวไปถึงตำแหน่งนายก อบจ. นั้น อาจต้องใช้เงิน 20-30 ล้าน แต่ในวันนี้ ผมต้องการทำการเมืองแบบใหม่ ที่จะใช้นโยบายเอาชนะทุนให้ได้ และหากผมได้เป็นนายก อบจ. จะตั้งใจเอานโยบายที่เราได้ทำขึ้น มาพัฒนาเมืองร้อยเอ็ด ให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น และขอยืนยันที่จะใช้จิตวิญญาณของอนาคตใหม่ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน" สถาพร กล่าว