วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ระบุถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนมองข้ามช็อตไปว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปนี้จะเป็นไปได้ค่อนข้างยากและยากมากถึงขั้นแก้ไม่ได้ เพราะจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกก่อนเริ่มดำเนินการ ครั้งที่ 2 ผ่านวาระ 3 แล้ว และครั้งสุดท้ายหลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญเสร็จ แค่คิดก็คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งงบประมาณและสถานการณ์ที่จะต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง มันจะโกลาหลอลหม่านขนาดไหน และบอกได้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างท่ออยู่นั้นก็คงจะแท้งแน่นอน
วันชัย ระบุอีกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่คงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาที่เหลือนี้ ประกอบกับสถาน การณ์ของพรรคการเมืองที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันก็ไม่เอื้อต่อการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะต้องเกิดโดยการผลักดัน เห็นพ้องต้องกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนเจ้าของผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ
บางคนบอกว่าให้แก้รายมาตราจะง่ายและเร็วกว่า ตนว่าพวกนี้โลกสวย เท่าที่ปรากฏรายมาตราที่สำคัญๆที่จะขอแก้ แต่ละพรรคก็ยังเห็นไม่ตรงกัน เช่น เลือกตั้งบัตรใบเดียว บัตรสองใบ หรือตัดอำนาจส.ว. หรือแก้ไขกระบวนการทำกฎหมายปฏิรูป แต่ละเรื่องนั้นก็จะต้องเป็นการเห็นพ้องต้องกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านด้วยกันเอง ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ทั้งส.ว.และรัฐบาล แล้วมันจะเป็นไปในทางเดียวกันไหม
เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุที่คาดไม่ถึงจะเกิดขึ้น ตนเห็นว่าผู้มีอำนาจควรชูธงแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันและเป็นการลดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เช่น เรื่องตัดอำนาจส.ว. โหวตนายกฯ อย่างนี้เชื่อว่าจะได้ใจจากทุกฝ่ายและได้คะแนนเต็มๆ นำมาซึ่งความปรองดองสมานฉันท์ ลดความตึงเครียดไปได้บ้าง มีรูระบายให้หายใจ ป้องกันระเบิดทางการเมือง
ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ระบุว่า “อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ เป็นของประชาชน ต้องเคารพ เจตนารมณ์ประชาชน หยุดยื้อเวลา เพื่อสืบต่ออำนาจตน”ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันว่ารัฐสภามีอำนาจโหวตวาระ 3 เป็นไปตามญัตติ เพราะญัตติที่เรายื่นในรัฐสภาเป็นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 2560
เราถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภา ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยการโหวตวาระ 3 ที่ยังค้างอยู่ ในกระบวนการดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ที่สำคัญของรัฐสภา ไม่ควรมีใครขัดขวางให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นต้นตอของปัญหาประเทศต้องหยุดชะงัก หรือยื้อเวลาออกไป ขอเรียกร้องให้ประชาชนได้จับตาดูพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนหาเสียงเลือกตั้งว่าจะมีท่าทีอย่างไร ในเมื่อประเด็นนี้ถูกจัดให้เป็นเงื่อนไขสำคัญของการร่วมรัฐบาลของบางพรรค ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำเสนอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล
ดังนั้น ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมยกมือโหวตผ่านวาระ 3 ย่อมเป็นการพิสูจน์ถึงความจริงใจของรัฐบาล ที่สะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจ ความหลอกลวงประชาชนอย่างชัดเจนที่กระทำมาโดยต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา พรรคร่วมฝ่ายค้านเราเห็นพ้องต้องกันว่าต้องโหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เสียก่อน