ไม่พบผลการค้นหา
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงหลังมีข่าวบิดเบือนข้อมูล ที่อาจทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา ยืนยันกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีเพียง 4 ฉบับเท่านั้น

ตามที่ปรากฏข่าวสารทางสื่อออนไลน์ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปว่า ศาสนาอิสลามกำลังยึดครองประเทศไทยโดยกล่าวอ้างว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน มีการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองศาสนาอิสลามซึ่งเมื่อรวมกับกฎหมายอิสลามที่มีอยู่เดิมจึงมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามถึง 10 ฉบับ มีมัสยิดเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก มีการก่อสร้างมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีการสร้างห้องละหมาดไว้ตามที่สาธารณะต่างๆ รวมทั้งมีการรื้อทำลายวัดในศาสนาพุทธไปหลายแห่ง เป็นต้น

กรมการปกครองชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องศาสนาอิสลามจำนวน 4 ฉบับเท่านั้น ได้แก่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ.2489 พระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 และพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ.2545

โดยไม่ปรากฏว่ามีพระราชบัญญัติคุ้มครองศาสนาอิสลามแต่อย่างใด และรัฐบาลชุดปัจจุบันมิได้มีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม จะมีแต่เพียงการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 เพื่อโอนภารกิจการส่งเสริมกิจการฮัจย์ให้กรมการปกครองดูแลเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นว่ามีการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองศาสนาอิสลามและมีกฎหมายอิสลามจำนวน 10 ฉบับจึงเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ

มัสยิดเป็นศาสนสถานในศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับวัดในพระพุทธศาสนาหรือโบสถ์ในศาสนาคริสต์ ซึ่งสร้างขึ้นตามศรัทธาของศาสนิกชนที่นับถือศาสนานั้นๆ โดยกฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องจดทะเบียนกับทางราชการทุกแห่ง แต่หากประสงค์จะจดทะเบียนให้เป็นนิติบุคคลเพื่อจะถือครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น วัดดำเนินการตามพระราชบัญญัติสงฆ์ พ.ศ.2505 หรือการสร้างโบสถ์ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ.128 หรือมัสยิดก็ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540

ปัจจุบันประเทศไทยมีมัสยิดที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 จำนวน 3,965 แห่ง ซึ่งจากการจัดเก็บสถิติย้อนหลัง 6 ปี (พ.ศ.2555-2560) พบว่า มีมัสยิดขอจดทะเบียนเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 32 แห่ง ซึ่งสร้างขึ้นตามศรัทธาของชาวไทยมุสลิม มิใช่การสนับสนุนของรัฐบาลชุดปัจจุบันแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นที่กล่าวอ้างว่าการสร้างวัดต้องทำประชาพิจารณ์ แต่การสร้างมัสยิดไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ต้องพิจารณาว่า กฎหมายกำหนดให้ต้องมีขั้นตอนดังกล่าวหรือไม่

ประเด็นที่กล่าวอ้างถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม และการสร้างมัสยิดจึงเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือนเพื่อสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งผู้นำเข้าหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย