วันที่ 28 ก.พ. ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินมายังจุดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ก่อนจะบ่นว่า รู้สึกเจ็บคอ เพราะพูดเยอะไปหน่อย 

ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้มีหลายวาระ มีงานเข้ามามาก อาทิ วาระเพื่อทราบ 14 วาระ แต่วาระที่มากเป็นพิเศษคือวาระการพิจารณา มีทั้งหมด 34 เรื่อง และวาระจร 40 กว่าเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องดูแลประชาชนอะไรอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันนี้มีการอนุมัติแล้ว แต่อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์ จะใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง ตั้งเป้าจะเริ่มใช้ในเดือน เม.ย. 

เมื่อถามว่า ที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนกลับว่า ก็มีอยู่บัตรเดียว สวัสดิการเดิม แต่เฟสใหม่ พร้อมยอมรับใช้เงินพอสมควร แต่ก็จำเป็น เพราะเป็นเรื่องของการให้ความเป็นธรรมของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งก็มีกฎกติกาอยู่พอสมควร แต่ละครั้งก็ใช้เงินหลายหมื่นล้าน 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยันด้วยว่า จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แม้จะเป็นช่วงปลายรัฐบาลก็ตาม ก็ได้ขอร้องและร่วมมือกัน กับพรรคร่วมรัฐบาลในทุกๆเรื่อง ในช่วงท้ายของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 

เมื่อถามว่า ข้อมูลการร้องเรียนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถึงมือนายกฯแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ทราบมาตลอด เป็นการรายงานขึ้นมาว่า อยู่ขั้นตอนไหน อย่างไร โดยคณะกรรมการอะไรอย่างไร และอะไรอยู่ในการพิจารณาของศาล ซึ่งเราไปก้าวล่วงไม่ได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับสายสีเขียวด้วย 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า อำนาจของนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ได้ หากมีข้อกล่าวหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อหาพยานหลักฐาน ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้อนุมัติในหลักการ และอนุมัติดำเนินการ แต่ขั้นตอนการดำเนินการ ก็มีคณะกรรมการเป็นผู้ทำ เป็นสายงานบังคับบัญชา เป็นผู้รับผิดชอบแต่ละระยะไป 

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คุยกันตลอด คุยกันทุกเรื่อง 

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทย ข้องใจพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ ชูวิทย์ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า "ไม่เกี่ยวอะไรกับผม เพราะผมบอกแล้วว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจำเป็นต้องรักษาความเป็นพรรคร่วมอยู่แล้ว เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันมากว่า 4 ปีแล้ว ในส่วนของพรรคการเมือง ผมก็ให้นโยบายกันไปแล้ว เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ผมไม่ก้าวร่วงใคร ใครจะว่าอะไรผมก็เฉยๆของผม เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการหาเสียงก็ว่ากันไป" 

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็พูดคุยกันตลอดเวลาละจ้า วันนี้ฉันก็คุยกันตั้งแต่เช้าละ ผมก็ยังรัก เคารพเขาเหมือนเดิม ใครจะพูดอะไรก็ว่ากันไป ใครจะเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะ จะกี่ร้อยก็ว่าไป" 

เมื่อมาถามต่อว่า พูดได้หรือไม่ว่าหากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะมีพรรคของพล.อ.ประวิตร เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ขอให้รอการเลือกตั้งก่อน ค่อยว่ากัน อย่ามาพูดกันตอนนี้ เขาพูดกันตอนเลือกตั้งเสร็จแล้ว ดังนั้น ไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องของพรรคก็ส่วนพรรค ก็อยู่ที่ประชาชนเลือกตั้งมากน้อยก็ว่ามา เรื่องการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล ก็อยู่หลังการเลือกตั้งอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตนก็อยู่ในกระบวนการนี้ พูดทีหลังหมด ไม่ใช่มาพูดก่อน

เมื่อถาม ว่า เคยถาม พล.อ.ประวิตร ถึงกระแสจะการจับพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้ถามอะไรหรอก แต่ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ท่านก็บอกว่าไม่เคยพูดจับมือกับใคร ท่านพูดกับผมนะ ท่านบอกท่านไม่เคยสัญญากับใคร อะไรทั้งสิ้น" 

ก่อนที่จะหันมาถามสื่อมวลชนว่า มีอะไรอีกหรือไม่ สื่อมวลชน​ จึงถามต่อว่าจะลงเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 1 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น 

ส่วนกระแสข่าวการยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ รีบสวนกลับทันทีว่า วันเกิดผมไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องยุบวันเกิดผม สื่อมวลชนจึงตอบกลับว่า เป็นของขวัญให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบอย่างมีอารมณ์ ว่า "เหรอ เป็นของขวัญให้ประชาชน คนเขารังเกียจผมหรืออย่างไร ผมจะยุบสภาแล้วออกไป เพราะเป็นวันเกิดผมหรืออย่างไร เธอพูดหมายความอย่างนั้น ก่อนจะย้ำว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จะรีบร้อนอะไรนักหนา" 

ผู้สื่อข่าว จึงถามต่อว่าหากเป็นวันที่ 8 จะเร็วไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบแบบตัดรำคาญว่า "ยุบพรุ่งนี้เลยละกัน" พอแล้ว และเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที