ไม่พบผลการค้นหา
'สมชัย' มอง รทสช.จัดเปิดตัว 'ประยุทธ์' อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยกปมขนคนฟังปราศรัย-แจกเสื้อ จี้ กกต. แจงชัด ทำได้หรือไม่

สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบคำถามเรื่องการจัดประชุมและเข้าสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ชี้แจง กกต. นั้น หากตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตนจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องมาชี้แจงในเรื่องนี้ ตัวนายกรัฐมนตรีเป็นแค่คนคนหนึ่ง ที่มาสมัครขิกพรรคในวันนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดงาน ซึ่งที่เกิดขึ้นตนยังไม่ได้บอกว่าการจัดงานเป็นสิ่งที่ผิด เพราะมีแนวปฏิบัติของ กกต.ในอดีตอยู่ เพียงแต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายเรื่อง มีโอกาสที่จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต. ต้องมาตอบคำถามให้ชัดเจน

สมชัย ระบุว่า เรื่องแรก คือการที่มีรถบัส รถตู้นับร้อยคัน ขนคนนับหมื่นคน มาฟังคำปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ กกต. ต้องออกมาตอบว่าทำได้หรือไม่ หากทำได้จะต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายเป็นต้นทุนในการหาเสียง หากทำไม่ได้ก็ถือเป็นว่ามีความผิดเกิดขึ้นแล้ว

เรื่องที่ 2 หากมีการจัดเลี้ยงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้สิ่งของ น้ำดื่ม กับคนที่มาร่วมงาน สามารถทำได้หรือไม่ เพราะอยู่ในช่วง 180 วัน ก่อนครบวาระ ซึ่ง กกต.เคยประกาศแล้วว่าต้องระมัดระวัง โดยกรณีอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(4) 

เรื่องที่ 3 สมมติ มีการจ่ายเงินให้กับผู้มาร่วมงาน 300-500 บาท นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการแจกเสื้อ "เราจะเห็นว่ามีการแตกเสื้อเป็นสีขาว สีแดง และสีน้ำเงิน ให้กับคนที่มาฟังปราศรัย โดยแบ่งเป็นโซนนั่งชัดเจน เป็นรูปธงชาติ คำถามคือแจกได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นใครไปฟังปราศรัยก็แจกของกันเต็มเลย ก็จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมา" 

เรื่องสุดท้าย คือ คำปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจไปคาบเกี่ยวกับเรื่องสถาบันและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงเรื่องการนำศิลปินขึ้นมาแสดงบนเวที จะถือเป็นมหรสพหรือไม่ 

สมชัย ย้ำว่า ตนจะรออีก 1 สัปดาห์เพื่อฟังคำตอบจาก กกต. ว่าทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถทำได้หรือไม่ หากไม่ได้รับคำตอบจะไปทวงถามที่ สำนักงาน กกต.ด้วยตัวเองในวันพุธ ที่ 18 ม.ค. ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้คนไปร้อง กกต.สามารถหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบเองได้ และตนเชื่อว่า วันที่ทีการตัดประชุม มีคนของ กกต.เข้าไปสังเกตการณ์และบันทึกภาพไว้ทั้งหมดแล้ว เพื่อนำส่งเรื่องไปที่ กกต.ให้ให้ความเห็น 

"ต้องตอบว่าทำได้ หรือทำไม่ได้ ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาคุยกันแล้ว อย่างที่ นายกฯบอก เขาคุยกันแล้ว" 

สมชัย มองว่า จนถึงวันนี้ กกต.ยังเงียบอยู่ ถือว่าผิดหวัง ต้องพูดให้ชัดว่าทำได้หรือทำไม่ได้ ผิดหรือถูกก็ขอให้พูดมา 

เมื่อถามว่า เรื่องที่กล่าวมา เรื่องใด เข้าข่ายมีความผิดมากที่สุด สมชาย ระบุว่า ตนขอไม่ตอบ แต่ทุกเรื่องอาจเข้าข่ายได้หมด พร้อมปฏิเสธตอบว่าหากพบความผิดจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่เพราะเรื่องนี้ กกต. ต้องเป็นคนชี้แจง หากจะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคต้องดูว่าใครเป็นคนกระทำ แต่อาจส่งผลถึงกรรมการบริหารพรรคและหาก กกต. เห็นว่าเข้าขายก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย


มองเกมการเมือง 'ตู่-ป้อม' มาผิดทาง

สมชัย กล่าวถึงเรื่องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีแยกกันตั้งพรรคการเมือง ว่า เป็นทางเดินของพรรคการเมือง ของ 2 ป. 2 นายพล ที่มองว่าการแยกกันเป็น 2 พรรคจะเป็นผลดี แต่ในทางเทคนิคแล้ว ตนมองว่าภายใต้กติกา ส.ส.เขตจำนวน 400 เขต และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 100 คน ไม่ค่อยเอื้อประโยชน์กับการแยกเป็น 2 พรรค 

"แทนที่เขาจะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แย่งกันเอง แข่งกันเอง ก็จะได้คะแนนน้อยลง ฝ่ายที่ 3 แทนที่จะได้คะแนนน้อยกว่าคุณ พอคุณแบ่งกัน กลายเป็นว่าได้น้อยกว่าเขา"

สมชัย กล่าวต่อว่า การที่แยกออกเป็น 2 พรรคแบงนี้ มาจากอัตตา หรือความเชื่อมั่นในตัวเอง ความอยากได้ในเชิงการเมืองของตัวเองมากเกินไป จนไม่สามาประประณีประนอมกันได้ ซึ่งหากประนีประนอมกันได้ก็คงไม่ยาก เพียงแค่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 คน ซึ่งท้ายที่สุดผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าวิธีการทำการเมืองแบบนี้เป็นวิธีที่ผิด