ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมโลนีซึ่งเป็นผู้นำพรรคพี่น้องแห่งอิตาลีได้เดินทางไปหาเสียงในเมืองมิลาน ทั้งนี้ พรรคการเมืองของเธอ ซึ่งเป็นพรรคที่มีแนวคิดขวาจัด ได้ขยับขยายฐานเสียงจากภาคกลางและใต้ของอิตาลี เข้าสู่การเมืองกระแสหลักระดับชาติ มีการคาดการณ์ว่าเธอจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอิตาลีในการเลือกตั้งครั้งนี้
ผลการสำรวจพบว่า พรรคของเมโลนีจะกลายเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด คือ ประมาณ 1 ใน 4 ของคะแนนเสียงทั้งหมด ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าที่พรรคเคยได้รับในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 นอกจากนี้ คะแนนเสียงของเมโลนียังแซงหน้า มาเตโอ ซัลวินี นักการเมืองฝ่ายขวาอีกคน และ ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลีอีกด้วย
ด้วยกฎหมายการเลือกตั้งของอิตาลี ที่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลผสม พรรคการเมืองฝ่ายขวาทั้ง 3 พรรคใหญ่ของอิตาลี มีแนวโน้มที่จะมีชัยเหนือพรรคซ้ายกลาง และได้จัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยเมโลนี ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่น่าจะได้รับเสียงข้างมากมากพอที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
คุณสมบัติที่สำคัญของเมโลนีในฐานะนักการเมือง คือ เธอมีความหนักแน่นในจุดยืน และไม่เปลี่ยนฝั่งง่ายๆ ในขณะที่คู่แข่งของเธอ ซัลวินี และแบร์ลุสโกนี เคยเปลี่ยนไปเข้าร่วมกับพรรคซ้ายกลางในรัฐบาลของ มาริโอ ดรากี ในปีที่แล้ว
“ไม่ว่าจะชอบเธอหรือไม่ก็ตาม เมโลนีเป็นคนยืนหยัดในคำพูดตัวเอง และปฏิเสธไม่เข้าร่วมพันธมิตรที่ไม่เป็นธรรมชาติ” กราเซีย วาเลริน ชาวเมืองมิลาน ให้ความเห็น
เมโลนียังได้เปรียบจากความถดถอยของคู่แข่งของเธอ โดยเฉพาะซัลวินี นักการเมืองร่วมอุดมการณ์ฝ่ายขวาของเธอ ที่สูญเสียความนิยมลงตั้งแต่ปี 2563 ในขณะเดียวกัน แบร์ลุสโกนีเองมีอายุมากแล้ว โดยในปีนี้เขามีอายุถึง 85 ปี
พรรคร่วมฝ่ายขวาของเมโลนีได้สัญญาว่า พวกตนจะแก้ไขปัญหาราคาพลังงานและค่าครองชีพสูง ทางด้านความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรป เธอกล่าวว่า “เป็นเวลาที่ต้องปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของอิตาลีเสียที” แต่ทว่า เธอยังมีท่าทีสนับสนุนสหภาพยุโรปในประเด็นการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ในขณะที่ซัลวินี คู่แข่งของเธอ มีประวัติเคยแสดงท่าทีที่สนิทสนมกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียมาก่อน
จุดยืนของเธอต่อการเมืองและสังคม คือ การสนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์นิยม ชาตินิยม และคุณค่าทางสังคมแบบดั้งเดิม เมโลนีต่อต้านสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความรุนแรงของอิสลาม” “อุดมการณ์เรื่องเพศ” และ “การล็อบบี้ของกลุ่ม LGBT” นอกจากนี้ เธอยังไม่เห็นด้วยกับการรับผู้อพยพ และการกำหนดโควตาให้ผู้หญิงได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย
“อิตาลีได้ลองมาหมดทุกรูปแบบแล้ว เมโลนีเป็นของใหม่สำหรับเรา” ผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยในมิลานกล่าว “ตราบใดที่พวกเขาบริหารประเทศร่วมกันได้เราก็โอเค”
ที่มา: