วันที่ 19 ต.ค. ที่อาคารรัฐสภา ปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกรรมาธิการฯ
โดย ปิยรัฐ กล่าวว่า วาระประชุมวันนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากองค์กรภาคีที่ติดตามการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยและผู้หนีภัยสู้รบ รวมถึง Giuseppe De Vincentis ตัวแทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
ด้าน มานพ คีรีภูวดล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ ระบุว่า ที่ประชุมให้ความสนใจกรณีผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ลี้ภัยที่อยู่มาก่อนแล้ว 9 ศูนย์ใน 4 จังหวัด ยังอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว และประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการผู้ลี้ภัย เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนาน เด็กบางคนกำเนิดที่ศูนย์พักพิง และมีปัญหาไม่สามารถกลับสู่มาตุภูมิได้
ด้านข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้เสนอว่ามีแนวทางพาผู้อพยพไปอยู่ประเทศที่ 3 เป็นจำนวน 7 ปี ปีละ 10,000 คน ขณะที่ภาคประชาชนนำเสนอว่าให้ออกสถานะบุคคลเป็นผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย เพื่อให้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง
อีกกลุ่มคือ ผู้หนีภัยสู้รบอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ใน จ.แม่ฮ่องสอน สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน ในระยะยาวต้องมีพื้นที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้มีการอพยพเข้ามา รวมถึงผู้ลี้ภัยที่อยู่ในเมือง 5,000-10,000 คน มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งที่หลบหนีโดยไม่สามารถเปิดเผยตัวตน
ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มผู้ลี้ภัยกลุ่มเปราะบาง ที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น โรฮิงญา และอุยกูร์ โดยกรรมาธิการฯ ได้หาแนวทางเพื่อนำมาเสนอแนะให้ฝ่ายบริหารต่อไป อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยังไม่ได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว โดยในสัปดาห์หน้าก็จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป ว่ามีแนวทางหรือข้อจำกัดอย่างไร
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติ กำหนดการเดินทางไปศึกษาดูงาน และจัดสัมมนา ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องเพื่อศึกษาปัญหาตามแนวชายแดน อาทิ เรื่องการค้าชายแดนจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในปลายเดือน พ.ย. 2566 เรื่องการค้ามนุษย์ และแหล่งกบดานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกำหนดการลงพื้นที่ร่วมกับสมาชิกรัฐสภาอาเซียนชายแดนไทย-เมียนมา ที่ จ.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน วันที่ 14-16 พ.ย.
คณะกรรมาธิการฯ ยังมีมติเบื้องต้น กำหนดเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 30 ต.ค. 2566 เพื่อเข้าพบประชุมหารือ แลกเปลี่ยนระหว่างฝ่ายสภานิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงของรัฐ
สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ครั้งที่ 4 ในสัปดาห์หน้า 26 ต.ค. 2566 จะได้เชิญผู้บริหารหรือตัวแทนฯ หน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมประชุม กับคณะกรรมาธิการฯ ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อสำรวจข้อเท็จจริงในเด็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม